วันแรงงานแห่งชาติ วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ไม่ได้เป็นเพียงวันแห่งการเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่แรงงานไทยทั่วประเทศร่วมกันส่งเสียงสะท้อนความต้องการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ผ่านข้อเรียกร้อง 9 ข้อ ที่สะท้อนปัญหาซ้ำซากและความท้าทายใหม่ในตลาดแรงงานไทย

นายพงศ์เทพ เพชรโสม รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็น "วันแรงงานแห่งชาติ" ตรงกับ "วันกรรมกรสากล" ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ กระทรวงแรงงานจึงสนับสนุนการจัดกิจกรรมเนื่องในวันดังกล่าวเป็นประจำ เพื่อรำลึกถึงบทบาทและความสำคัญของแรงงานซึ่งเป็นกำลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับปีนี้ ได้มีการคัดเลือกประธานจัดงานและเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุม เพื่อให้แรงงานได้รับประโยชน์สูงสุด โดยกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติ 2568 จะเริ่มขึ้นในช่วงเช้า เวลา 07.00 น. ด้วยพิธีสงฆ์ ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ก่อนที่เวลา 08.00 น. กลุ่มลูกจ้างจะชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และเคลื่อนขบวนไปยังลานคนเมือง

ในปีนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และรับข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น 9 ข้อ

ด้านนายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงานฯ เปิดเผยว่า การยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลเป็นกิจกรรมสำคัญที่แรงงานทำเป็นประจำทุกปี แม้บางประเด็นจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่หลายเรื่องยังคงติดขัดระเบียบกฎหมาย หรือไม่มีความคืบหน้าอย่างที่แรงงานคาดหวัง

ในปีนี้ สภาองค์การลูกจ้าง 20 สภา ร่วมกับสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ และแรงงานนอกระบบ ยังคงยืนยันข้อเรียกร้องที่สำคัญ อาทิ

เรียกร้องให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 และ 98 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม และสิทธิในการรวมตัวและเจรจาต่อรอง

เสนอให้จัดตั้ง กองทุนประกันความเสี่ยงการเลิกจ้าง เพื่อสร้างหลักประกันให้ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับเงินชดเชย เรียกร้องให้ปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เช่น ให้ลูกจ้างรายวันได้รับค่าล่วงเวลาเทียบเท่าลูกจ้างรายเดือน เสนอให้กำหนดหลักการทำสัญญาจ้างที่เป็นธรรม และคุ้มครองลูกจ้างในระบบเหมาค่าแรง เรียกร้องให้ขยายความคุ้มครองสิทธิประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตนหลังเกษียณอายุเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการติดตามข้อเรียกร้องอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ยังมีการกระจายการจัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติไปยังส่วนภูมิภาค เพื่อให้แรงงานทั่วประเทศมีโอกาสร่วมแสดงพลังและข้อเสนออย่างทั่วถึง

วันแรงงานแห่งชาติปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการรวมตัวของแรงงานเพื่อเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่เป็นเวทีสำคัญในการส่งเสียงข้อเรียกร้องที่สะท้อนความหวังและความต้องการความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคแรงงานไทยการขับเคลื่อนข้อเสนอเหล่านี้ ไม่ได้มีความหมายเฉพาะต่อลูกจ้างเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว รัฐบาลจึงถูกจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถแปรเสียงสะท้อนของผู้ใช้แรงงานให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้แค่ไหน และจะสามารถก้าวข้าม “กับดักทางการเมือง” ไปสู่การปฏิบัติเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของแรงงานไทยได้เพียงใด