สมการตัวเลขที่จับมือร่วมกันในฐานะ “รัฐบาลผสม” ถูกคาดการณ์กันไปไกลถึงขั้นที่ ว่า หากไม่มี “พรรคภูมิใจไทย” อยู่ในครม. ตามข่าวที่สะพัดมาอย่างต่อเนื่อง  ปรากฏว่ารัฐบาลจะอยู่ในภาวะที่อาจทำให้รัฐบาล “แพทองธาร” เสียงปริ่มน้ำ 

และแน่นอนว่า “พรรคเพื่อไทย” ประเมินแล้วว่า นี่ยังไม่ใช่จุดที่จะไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้า ตามที่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย  บอกกับสื่อล่าสุด 

“ พูดกันตรงไปตรงมา มันมีคณิตศาสตร์การเมือง เราเห็นตัวเลขกันอยู่ ว่าถ้าเอาพรรคนั้นออกจะเหลือตัวเลขเท่าไหร่ มันเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ทางการเมือง ความมั่นคงทางการเมือง คนที่เขาทำงานการเมืองต้องเอาเรื่องนี้มาดู มาวิเคราะห์ว่าควรจะเป็นอย่างไร 
 แต่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงจนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า ทางการเมืองถือว่าเสี่ยงเกินไป ฉะนั้น ถ้าทำอะไรให้เรียบร้อย พอจะไปกันได้ ก็ต้องว่ากันไป” (23 เม.ย.68)

 ภาพการจับมือระหว่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  แกนนำพรรคเพื่อไทย กับ  “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  โชว์สื่อกลางทำเนียบฯ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.68 ที่ผ่านมาเพื่อ “สยบ” ทุกกระแสความขัดแย้งนั้น ย่อมถูกมองได้ว่านี่คือ “ละครการเมือง” ที่ต่างฝ่าย ต่างต้องแสดงกันไปเท่านั้น 

แต่เมื่อมีการประเมินถึงสมการสูตรคณิตศาสตร์ ทางการเมือง ยังต้องจับตาว่า ตัวเลขสส.ในแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลนั้นยังไม่นิ่ง หรือจบลง ณ ตัวเลขในปัจจุบัน 
 อย่าลืมว่า “ตัวแปร” สำคัญทางการเมือง ที่อาจนำไปสู่จุดพลิกผันแห่งความได้เปรียบ เสียเปรียบระหว่าง พรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย อีกช็อต ในวันข้างหน้า คือ คดี 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล  ที่ร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย ม.112 ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ออกมาส่งสัญญาณแล้วว่าคำร้องดังกล่าว จะได้ข้อสรุปในราวเดือนพ.ค.นี้ 

และผลจากคดี 44 อดีตสส.ก้าวไกลยังต้องลุ้น ว่าจากคำร้องนี้จะเหลือ “ใคร” รอดกันกี่คน และจำนวนสส.ที่รอดนี้ กำลังเป็นที่ “หมายตา” ของพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งจ้องจะซื้อตัวไปอยู่ร่วมด้วย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องแปลกใจ ว่า พรรคภูมิใจไทย ยังมี ไม้เด็ดรอให้ลุ้นตัวเลขสส. เพื่อนำไปสู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับพรรคอันดับสองในรัฐบาลผสม !