ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ณ เวลานี้ น้ำหนักถูกเทไปที่กระแสข่าวว่าด้วยการปรับครม. แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ กันจริงหรือไม่ หรือจะใช้วิธี “ประคอง” กันไปจนกว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 จะผ่านสภาฯ ในวาระแรก ไปแล้วก็ตาม

     แต่สิ่งที่กำลังสะท้อน ออกมาขนานไปกับประเด็นว่าด้วยการปรับครม. คือ “แรงกระเพื่อม” ที่เกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ ทั้งระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคภูมิใจไทย” บวกกับ สิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยเอง   เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเป็นการ “ปรับเล็ก” หรือ “ปรับใหญ่” 

      แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย นั้นจะเข้าสู่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง กันแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะในจังหวะที่ “นโยบายหาเสียง”  เอาไว้ยังไม่มีอะไรสัมฤทธิผล เป็นที่น่าพอใจ จนทำให้พรรคเพื่อไทยเองมั่นใจได้ว่ามี “แต้มต่อ” มากพอ หากสถานการณ์ทางการเมืองเดินไปสู่ “จุดพลิกผัน” ถึงขั้นยุบสภาฯ เพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้งก่อนรัฐบาลอยู่ครบเทอม ในปี 2570

      กระแสข่าวที่กำลังตอกย้ำความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย บานปลายไปถึงขั้นมีข้อเสนอแนะจาก “คนนอก” ให้ปรับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมี 69 เสียง ออกจากรัฐบาล เพราะไม่เช่นนั้นสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ยิ่งย่ำแย่ และยังอาจลามไปถึงตัว “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี

     แต่ขณะเดียวกันยังพบว่า ในความวุ่นวายระหว่างสองพรรคใหญ่ ในรัฐบาลผสม กลับมีสัญญาณที่แปร่งออกไป ชี้ว่า “ศึกใน” ของพรรคเพื่อไทย เองใช่ว่าจะไม่มี !!

     การที่เก้าอี้กระทรวงเศรษฐกิจ ในมือพรรคเพื่อไทย ถูกจับตาและตั้งข้อสังเกตจากคนในพรรคด้วยกันเองว่า “ควรปรับเปลี่ยน” นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องปกติ 

     เมื่อหัวใจของพรรคเพื่อไทย คือการชูจุดขายความเป็น “มืออาชีพ” ด้านเศรษฐกิจ  แต่จนถึงวันนี้ ยังดูเหมือนว่า ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลเอง เพื่อไทยยังขยับได้ยาก ! 

     ล่าสุดพบว่าไม่เพียงแต่ผลจากสำนักโพลที่สำรวจความเห็นจากประชาชน “นิด้าโพล” เมื่อวันที่ 20 เม.ย.68 สนับสนุนให้ปรับครม. โดยเฉพาะ “กระทรวงพาณิชย์” ไปสอดรับกับ การที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณว่า กระทรวงพาณิชย์ นั้นอยู่ในข่ายที่ควรถูกปรับเปลี่ยน

     ในความเป็นจริงแล้ว ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ยังมี “ผู้เล่น” อีกไม่น้อยที่พร้อมจะลงสนาม เข้ามารับไม้ต่อ ในกระทรวงต่างๆ ไม่เฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น  หลายคนในพรรค ต่างมี “ความหวัง” ที่จะเข้ามาผลัดเปลี่ยนกันเป็นรัฐมนตรีทั้งสิ้นโดยเฉพาะ “สายอีสาน”  

     ด้วยเหตุนี้ ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการปรับครม. จึงไม่ได้ร้อนแรงเฉพาะ “ศึกนอก” เท่านั้น เพราะ “ศึกใน” ก็พร้อมจะฟาดฟันกันเอง !