วันที่ 21 เมษายนนี้ กำลังจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมืองไทย เมื่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศเตรียมแถลงข่าว 3 ประเด็นใหญ่ ที่อาจเขย่าเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะบทบาทของ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจใน 3 ประเด็นคือ

1.ตั๋ว PN และนิติกรรมอำพราง

นายวิโรจน์  ตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯ อาจเข้าข่าย “ทำนิติกรรมอำพราง” ผ่านการใช้ ตั๋วเงิน PN (Promissory Note) เพื่อ “แสร้งขาย” สินทรัพย์ให้ลูก โดยไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดชำระ เป็นรูปแบบที่อาจใช้ “เลี่ยงภาษี” ในลักษณะที่ยากต่อการตรวจสอบ

การเรียกร้องให้ กรมสรรพากร ส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพื่อวินิจฉัยชัด ๆ ว่า "แพทองธารโมเดล" นั้น เป็นช่องโหว่ทางภาษีหรือไม่ คือหมากแรกที่พรรคฝ่ายค้านจะใช้ “โรยเกลือ” บาดแผลทางความเชื่อมั่นของรัฐบาล

2.โฉนดโรงแรมหรูเขาใหญ่

นายวิโรจน์ระบุว่า เป็น พื้นที่ต้นน้ำลำธาร ที่ไม่สามารถออกโฉนดได้ตามกฎหมายใดๆ ดังนั้น การได้มาซึ่งเอกสารสิทธิดังกล่าว อาจเข้าข่าย “ออกโฉนดโดยมิชอบ”การเรียกร้องให้ “เพิกถอนโฉนด” จึงเป็นการเปิดเกมตีวงกว้าง สู่ปัญหาการถือครองที่ดินผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องชี้แจงให้กระจ่าง

และ3. นักโทษชั้น 14 และข้อกล่าวหา “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”

ในประเด็นสุดท้าย นายวิโรจน์ชี้ว่า นายกฯ รู้เห็นการแต่งตั้งบุคคลที่มีคดีติดตัว และยังคงปล่อยให้มีบทบาทในภาครัฐ ซึ่งอาจเข้าข่าย “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยเจตนา” ซึ่งในทางกฎหมายสามารถส่งเรื่องให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการสอบสวนต่อไปได้

นายวิโรจน์ย้ำชัดว่า พรรคประชาชนจะไม่ใช้ “ช่องทางที่ไม่ชอบธรรม” เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม แม้จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวในวันที่ 21 เมษายนนี้ อาจยังไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทันทีแต่ก็ทำให้ผู้นำเสียสมาธิในการบริหารประเทศ