เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเชิญชวนให้รำลึกเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ที่บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน
โดยบางช่วงบางตอนของข้อความที่นายณัฐวุฒิโพสต์ ระบุว่า “ผ่านเวลา 15 ปี กับการต่อสู้อันยาวนานของขบวนการประชาชนที่อายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย”
ข้อความดังกล่าวทำให้ถูกตีความว่าหมายถึงคนเสื้อแดง
สำหรับคนเสื้อแดง เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งเคยมีบทบาทโดดเด่นช่วงหลังรัฐประหารปี 2549 และยังคงมีอยู่ในฉากการเมืองไทยปัจจุบัน แม้ความเข้มแข็งของกลุ่มจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะปัจจัยที่หัวขบวนหรือผู้นำของพวกเขาแตกออกเป็นสองฝ่ายและยืนอยู่คนละฝั่งของการเมืองในปัจจุบัน
บางส่วนของกลุ่มคนเสื้อแดงได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนทางการเมือง หรือหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่มีแนวทางสอดคล้องกับอุดมการณ์ของตนมากขึ้น
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบปะมวลชนคนเสื้อแดงที่จังหวัดพิษณุโลก โดยยืนยันว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่การปลุกกระแสความขัดแย้ง แต่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสามัคคีในประเทศ
นายทักษิณกล่าวว่า ประเทศไทยบอบช้ำมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อทำงานร่วมกัน พร้อมย้ำว่าการพบปะครั้งนี้ไม่ได้เป็นการหาเสียงหรือปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้กลับมา หากแต่เป็นการส่งเสริมความสามัคคีในสังคม
นอกจากนี้ นายทักษิณยังกล่าวถึงสถานการณ์ข่าวสารในปัจจุบัน โดยระบุว่า ข่าวความขัดแย้งมีมากเกินไป และอยากเห็นทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง พร้อมชี้ว่าการทะเลาะกันจะทำให้ประเทศไทยสู้กับปัญหาต่าง ๆ ได้ยากยิ่งขึ้น
น่าสนใจว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงยังมีความเข้มแข็งในบริบทการเมืองปัจจุบัน จะส่งผลต่อสถานการณ์ของรัฐบาลที่กำลังเผชิญแรงต่อต้านจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ มากน้อยเพียงใด
ด้วยปัจจัยที่คนเสื้อแดงเคยเป็นฐานสนับสนุนสำคัญของพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากบางส่วนของคนเสื้อแดงผิดหวังกับพรรคเพื่อไทยที่เข้าไปประนีประนอมกับกลุ่มอำนาจเดิม ทำให้หลายคนหันไปสนับสนุนกลุ่มคนรุ่นใหม่
ในกรณีที่รัฐบาลต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น กรณีต่อต้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จึงน่าจับตาว่าคนเสื้อแดงจะวางเฉย หรือจะมีบทบาทในการลดแรงเสียดทานต่อรัฐบาลได้อย่างไร