เมื่อการเลือกตั้งครั้งนิ้มีความหมาย และต่างฝ่ายต่างถือ “เดิมพัน” ชนิดที่สูงลิบลิ่ว ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ขั้วการเมืองกลุ่มเก่า ทั้ง “ประชาธิปัตย์”และ “พรรคเพื่อไทย” หรือแม้แต่ ฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เองก็ตาม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่จะพบว่าทุกขั้วอำนาจ จะพยายามใช้ทุกกลยุทธ์ เปิดทุแนวรบเพื่อช่วงชิงชัยชนะ ให้ได้ในทุกๆทาง การเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคอันดับหนึ่ง แต่คล้ายกับว่ากำลังโดดเดี่ยวให้กลายเป็น “พรรคฝ่ายค้าน” ไปตามลำพังหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง กลับเต็มไปด้วยความเข้มข้น เพราะ “นายใหญ่” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องลงมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง ควบคู่ไปกับการเดินหน้า กวาดคะแนนเสียงของ “พรรคสาขา” ทั้ง “ไทยรักษาชาติ” และ “พรรคเพื่อชาติ” แน่นอนว่าการที่อดีตนายกฯทักษิณ เปิดตัวจัดรายการผ่านเวบไซต์ในชื่อรายการ Good Monday โดยนัดหมายแฟนคลับในทุกวันจันทร์นั้น ย่อมต้องมีนัยยะหวังสื่อสารไปยังฝ่ายรัฐบาลและคสช.ตลอดจน “ พรรคคู่แข่ง” อย่างประชาธิปัตย์เอง ว่าวันนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคสาขา ไม่ได้ยืนสู้กันไปตามลำพัง แม้ล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาแสดงความเห็นในท่วงทำนอง ตัวเองอยู่ต่างประเทศจะไปทำอะไรได้ ! ความเคลื่อนไหวของทักษิณ ที่เปิดหน้าชนกับ “บิ๊กคสช.” ทั้งบิ๊กป้อม และ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้ดำเนินไปพร้อมๆกับ จังหวะการก้าวเดินของพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งออกแถลงการณ์เรียกร้องความชัดเจนเรื่อง “วันเลือกตั้ง” รวมทั้งยังขอให้คสช.ยุติการส่งเจ้าหน้าที่มาประกบนักการเมือง และดูจะสอดคล้องกับการออกมาเคลื่อนไหวของ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ประกาศเตรียมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวันที่ 18 ม.ค.นี้หากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง ทั้งนี้หากจับจังหวะการเคลื่อนไหวของปีกขั้วทักษิณ จะพบว่า ต่างฝ่ายต่างดำเนินภารกิจที่ไม่ต่างไปจากการทำสงครามในลักษณะจรยุทธ์ นั่นคือเน้นรูปแบบที่เรียบง่าย เลือกบุกเมื่อยามคสช.และรัฐบาล เริ่มแผ่วและมี “ช่องโหว่” ให้ขยายแผล แต่เมื่อคสช.และกองทัพตั้งหลัก ตั้งตัวได้เมื่อใด การบุกเพื่อสร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วน จะจบลงทันที ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คสช. ต้องรับมือในหลายทางพร้อมๆกัน แม้จะพยายาม “วางหมาก” เพื่อรับมือในแต่ละแนวรบแล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าแผนการเล่นในลักษณะดังกล่าวจะยิ่งสร้างภาระและปัญหาให้กับฝ่ายคสช.ไม่น้อย เพราะการป้องกันแนวรบหลายด้านในเวลาเดียวกัน ในจังหวะที่เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบฉวยความไม่แน่นอนของวันเลือกตั้ง ไปจนถึงการเปิดทางให้ “กลุ่มการเมืองภาคประชาชน” อย่างกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เปิดหน้าเคลื่อนไหวเพื่อ ดึง “กองทัพ” และ “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ลงมาเป้น “คู่ขัดแย้ง” ได้มากเท่าใดก็จะยิ่งเหมือนเป็นการเพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งระหว่าง มวลชนกับกองทัพให้เข้าสู่โซนที่เปราะบางมากขึ้นเท่านั้น การออกมาส่งเสียงคำรามจาก พล.อ.อภิรัชต์ ที่มีไปยังกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ด้วยการเตือนว่า “อย่าล้ำเส้น” กำลังจะกลายเป็น จุดเริ่มต้นนับหนึ่งที่จะง่ายจะนำไปสู่จุดแตกหัก มากขึ้นทุกที !