เสือตัวที่ 6

สมรภูมิปลายด้ามขวานที่ต่อเนื่องยาวนานอย่างมีพลังได้นั้นเป็นยุทธศาสตร์การต่อสู้ที่มีชีวิตด้วยการทำสงครามที่พลิกพลิ้วไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามห้วงเวลาอันจะเป็นประโยชน์และเอื้ออำนวยต่อชัยชนะในการต่อสู้ที่วางเอาไว้ ไม่ว่าสถานการณ์การต่อสู้จะเป็นอย่างไร นักคิดแกนนำขบวนการรอแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้ที่มีขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มนำจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ได้อย่างสอดคล้องกับวิถีแห่งการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถึง ณ วันนี้ แผนการต่อสู้ที่เคยรับรู้กันตั้งแต่แผนบันได 7 ขั้นสู่เอกราชปัตตานีจนกระทั่งสงครามปฏิวัติผ่านสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่การต่อสู้เป็นหน้าที่ที่เรียกว่าเป็น ญิฮาดซึ่งหมายถึงการใช้กำลังความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ทุกด้าน การเคลื่อนไปยังเป้าหมายข้างหน้าด้วยกำลังและความเข้มแข็งทั้งหมดแม้การต่อสู้จะยากลำบากเพียงใดก็ตามเพื่อศาสนาอิสลาม พลิกพลิ้วไปสู่การต่อสู้ทางความคิดที่หลอมรวมความคิดความเชื่อเป็นอุดมการณ์คนในพื้นที่ให้ร่วมกันต่อสู้กับผู้รุกรานนั่นคือสยามอย่างมีเป้าหมายอันแน่วแน่ จนกระทั่งแปรสภาพสู่การทำสงครามกองโจรด้วยการใช้กองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการฝึกฝนสร้างมาอย่างช่ำชองก่อสงครามทำลายล้างตัวแทนของรัฐอย่างดุดันคู่ขนานกับการเจรจาสันติภาพกับผู้รุกรานเพื่อเร่งเร้าให้ผู้รุกรานเร่งคืนอิสรภาพและเอกราชให้คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ในที่สุด โดยอาจพลิกพลิ้วไปสู่การยอมรับบีอาร์เอ็นให้มีอิสรภาพการปกครองกันเองของคนในพื้นในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งด้วยการจัดให้มีการลงประชามติคนในพื้นที่ซึ่งได้สะสมบ่มเพาะตระเตรียมความพร้อมในการลงคะแนนเสียงหากรัฐถูกบีบบังคับให้จำต้องเดินมาสู่จุดนั้น

การปฏิบัติการโจมตีต่อเป้าหมายที่เป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจการปกครองของรัฐในพื้นที่อย่างในกรณีเหตุโจมตีที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญของ บีอาร์เอ็นด้วยการปฏิบัติการอย่างมืออาชีพ ตั้งแต่การรวมกำลังเป็นชุดปฏิบัติการ การซุ่มวางแผนอย่างปกปิดซ่อนเร้น การซักซ้อมการลงมือที่หน่วยข่าวกรองของรัฐไม่อาจล่วงรู้ได้แม้แต่น้อย การปฏิบัติการโจมตีที่แบ่งหน้าที่ลงมือได้อย่างสอดคล้องเฉียบขาด จนกระทั่งการเล็ดรอดหลบหนีได้อย่างแยบยล ล้วนเป็นการปฏิบัติการที่มีนัยยะสำคัญของการต่อสู้ที่ส่งผลไปถึงการเจรจาสันติภาพที่หยุดชะงักมาระยะหนึ่งซึ่งเป็นการบีบให้รัฐโดยหัวหน้าคณะพูดคุยชุดใหม่มีโอกาสยอมจำนนต่อเงื่อนไขการเจรจาบนโต๊ะเจรจาได้ง่ายขึ้น การก่อเหตุโจมตีเป้าหมายสำคัญของรัฐได้กระตุกเตือนรัฐให้เร่งเจรจากับบีอาร์เอ็นอย่างไม่มีทางเลือก บนพื้นฐานที่ต้องตกลงกันบนเงื่อนไขที่บีอาร์เอ็นต้องการนั่นคือการยอมให้อิสรภาพในการปกครองดูแลกันเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่บีอาร์เอ็นต้องการ

ด้วยพัฒนาการของกองกำลังติดอาวุธของขบวนการบีอาร์เอ็นที่มีศักยภาพสูงขึ้น พวกเขาสามารถโจมตีศูนย์กลางอำนาจการปกครองของรัฐได้อย่างเฉียบขาด การซุ่มโจมตีที่สำเร็จทุกครั้งโดยฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็นปลอดภัยทั้งยังสามารถหลบหนีไปได้อย่างแยบยล จนมาถึงการใช้พลซุ่มยิง(sniper) ลอบสังหารนายทหารท่านหนึ่งของรัฐเพียงนัดเดียวเมื่อ 11 มีนาคม 2568 บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการจาเต๊ะ มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร. ที่ 2 พื้นที่ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา นับเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าขบวนการบีอาร์เอ็นได้มีพัฒนาการนักรบในกองกำลังของพวกเขาให้กล้าแข็งมากขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว ด้วยการที่จะฝึกคนๆ หนึ่งให้เป็นพลซุ่มยิงอย่างแม่นยำขนาดนี้นั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ด้วยการเป็นพลซุ่มยิง(sniper) นั้นเป็นคนที่มีความสามารถสูงเพื่อหวังผลกำจัดเป้าหมายจากระยะไกล รวมถึงมีการอำพรางตัวเพื่อไม่ให้ข้าศึกรู้ตัวระหว่างรอยิง พลซุ่มยิงมักทำงานร่วมกับพลชี้เป้า(Spotter) ด้วยการซุ่มยิงเป็นงานที่ใช้ความอดทนในการรอคอยพร้อมกับต้องใช้อาวุธชนิดพิเศษที่ใช้เฉพาะการเล็งและเหนี่ยวไกสังหารเหยื่อได้อย่างแม่นยำเพียงนัดเดียว

การปลุกระดมคนในพื้นที่ยังคงกระทำอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยห้วงเวลาสำคัญทางศาสนา อาทิ ข้อความครบครอบ 65 ปีที่มีสาระสำคัญว่า ในการยืนหยัดเจตนารมณ์ต่อประชาชน และแบกรับภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ด้วยความท้าทาย และเสี่ยงมากจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเวลา 65 ปีแล้ว ที่บีอาร์เอ็นปฏิบัติตามอาณัติของประชาชนและข้อเรียกร้องอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินเกิดตามแนวทางเรียกร้องเอกราชอย่างเต็มที่ โดยสาเหตุ คือความขัดแย้งระหว่างลัทธิล่าอาณานิคมสยาม/ไทย เหนือมลายูปาตานี ด้วยปัญหาของปาตานี คือปัญหาเอกราชของชาติปาตานี เพราะมีชาวมลายูเพียงกลุ่มเดียวในภูมิภาคนี้ที่ยังตกเป็นอาณานิคมจนถึงปัจจุบัน แม้การต่อสู้จะยืดเยื้อต่อเนื่อง ก็ต้องเตรียมยุทธศาสตร์ที่ทันสมัย เข้มแข็งและทรงพลัง ปรับเปลี่ยนไปตามการพัฒนาของยุคสมัย เพื่อรวบรวมกำลังของประชาชนที่สามารถนำแรงบันดาลใจของประชาชนไปสู่จุดหมาย ซึ่งเป็นหลักในการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความประเสริฐของเดือนรอมฎอน ที่อยู่อย่างสูงส่งหรือตายอย่างชะฮีด เป็นต้น   

การต่อสู้ในสมรภูมิปลายด้ามขวานที่ยืดเยื้ออย่างกล้าแข็งมาได้จนทุกวันนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าเกิดจากยุทธศาสตร์การทำสงครามที่มีชีวิต แทรกปนกลยุทธ์การต่อสู้ในหลากหลายมิติ พลิกพลิ้วไปตามสถานการณ์อย่างมีชีวิต ผ่านการหล่อหลอมกล่อมเกลาความคิดความเชื่อสู่อุดมการณ์การต่อสู้ของมวลชนคนในพื้นที่อย่างเข้มแข็งผ่านกระบวนการซึมลึกความเชื่อทางศาสนา นำคนในพื้นที่ให้เกิดสำนึกร่วมสานพลังการต่อสู้กับรัฐที่อ้างว่าเป็นผู้รุกรานด้วยวิถีการต่อสู้ในหลากหลายวิธี เพื่อบีบให้รัฐยอมรับเงื่อนไขบีอาร์เอ็นด้วยการใช้กำลังโจมตีอันทรงพลัง หรือจะเป็นชัยชนะบนโต๊ะเจรจา หรือยอมให้ลงประชามติ(RSD) ก็ผันแปรปรับเปลี่ยนวิถีทางเน้นน้ำหนักไปตามสถานการณ์ในขณะนั้นได้อย่างรวดเร็วดั่งสงครามที่มีชีวิตชีวาเพื่อบรรลุเป้าหมายเอกราชปัตตานีในที่สุด