สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้ต้องมือกับศึกแทบทุกด้าน แม้ล่าสุด ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล “แพทองธาร 1” เพิ่งคลอดมาตรการแจกเงินหมื่น เฟส 3 ให้ “คนรุ่นใหม่” เตรียมตัวใช้เงินก้อนกันไปหมาด ๆแต่ยังไม่วายที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ขณะเดียวกันภารกิจใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้าคือการปกป้อง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ให้กระทบน้อยที่สุด เพราะอย่าลืมว่านี่คือการรับมือกับสิ่งที่เธอเองไม่เคยคาดคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องเผชิญหน้า แต่เมื่อญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พุ่งเป้ามาที่ตัวนายกฯเพียงคนเดียว ไม่มีการระบุไปถึงรัฐมนตรีรายใด หรือจากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดเพิ่มเติม
ดังนั้น “งานใหญ่” จึงตกเป็นของพรรคเพื่อไทยแทบทั้งหมด แม้แกนนำจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะยืนยันหลายต่อหลายครั้งว่า “69 เสียง” ของพรรคสีน้ำเงินพร้อม “ซัพพอร์ต” นายกฯอิ๊งค์ ก็ตาม
แต่การหวังพึ่งพา หรือยืมจมูกคนอื่นหายใจย่อมเป็นการหวังน้ำบ่อหน้า โดยเฉพาะในจังหวะที่ พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว ไม่เช่นนั้น “สงครามตัวแทน” คงปิดฉากไปแล้ว
แต่เมื่อเวลานี้ “81 สว.” ในปีกของสว.สายสีน้ำเงิน เพิ่งยกขบวนไปร้องคณะกรรมการป.ป.ช. ให้เอาผิด “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีรับสอบคดีฮั้วเลือกสว. 2567 ทั้งที่ไม่มีอำนาจรับตรวจสอบ โดย81 สว.ระบุในคำร้องว่าเข้าข่ายผิดมาตรา 157
และในวันเดียวกันยังปรากฏว่า พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า เตรียมเรียก 140 สว. มาสอบ พร้อมทั้งระบุว่า รายชื่อดังกล่าวคือชื่อที่อยู่ในโพย
เท่ากับว่า ในระหว่างที่ศึกซักฟอกนายกฯแพทองธาร ใกล้วันเปิดเวทีเข้ามา แต่การประดาบระหว่าง ค่ายสีแดงกับค่ายสีน้ำเงิน ผ่านกลุ่มสว.สีน้ำเงินกับรมว.ยุติธรรมและดีเอสไอ กลับเดินหน้าต่อไปด้วยความเข้มข้น ดังนั้น บรรยากาศการอยู่ร่วมกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่ในรัฐบาลผสมจึงยังไม่อะไรที่เสถียร และชี้ชัดได้ว่า เมื่อวันโหวตลงคะแนนไว้วางใจนายกฯแพทองธาร นั้น ทุกอย่างจะราบรื่น โดยไม่ต้องลุ้น
นอกจากนี้ ล่าสุดยังพบสัญญาณว่าปฏิบัติการยื้อ และเตะถ่วง หรือหวังไปถึงขั้นที่จะให้ “ล้มการซักฟอก” นั้นคงไม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะ พรรคประชาชนเตรียมถอย แบะท่า “ถอนชื่อ” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ออกจากญัตติ หลังจากที่ จงใจยื้อเรื่องเพื่อสั่นประสาท พรรคเพื่อไทยมาได้พักใหญ่
หมายความว่า ถึงอย่างไรนายกฯอิ๊งค์ คงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ “ฝ่ายค้าน” กลางสภาฯ ได้ยากเต็มที เช่นเดียวกับ “พ่อ” ที่จะต้องถูกดึงเข้ามาถล่มในสภาฯ ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ฝ่ายค้านใช้ชื่อเรียกแทนว่า “ส.ท.ร.” แทนก็เท่านั้น