เพจเฟซบุ๊กคลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 ระบุว่า “ วันนี้ในอดีต วันที่ 9 มีนาคม 254 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ​ พระบรมราชโองการ ประกาศ ​ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี (พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร)”

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยตอนหนึ่งระบุไว้ว่า “นายกรัฐมนตรีสมัครใจยินยอมให้ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”

ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าการระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติอาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ ขอให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โดยนำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 ที่ ระบุว่า เมื่อประธานสภาได้รับญัตติตามข้อ 175 แล้ว ให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ เมื่อประธานสภาได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้ว ให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม เป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ

ในขณะที่ท่าทีของนายณัฐพงษ์ เห็นแย้งยืนยันว่าดำเนินตามสิทธิและตามกรอบรัฐธรรมนูญ ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในเชิงอำนาจหน้าที่ ตนเห็นว่าข้อบังคับไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาฯ ในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่าเนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนถึงสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงดุลพินิจของประธานสภาฯ ในการประเมินเนื้อหาของญัตติเพื่อตัดสินใจว่าจะบรรจุญัตติหรือไม่

นอกจากนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 176 ก็ระบุเพียงแค่ให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบว่าญัตติมี “ข้อบกพร่อง” หรือไม่ เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว “ข้อบกพร่อง” ในที่นี้ ย่อมถูกเข้าใจได้ว่าหมายถึงในกรณีที่มีข้อผิดพลาดในเชิงรูปแบบ เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่ต้องการ ลายเซ็นของผู้เสนอไม่ตรงกับลายเซ็นในระบบ หรือมีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อน

ทั้งนี้ ข้อโต้แย้งในเรื่องของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้น ถูกจับตาว่าอาจจะเป็นเพียงเกมยื้อเวลาให้กำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องเลื่อนออกไป ที่อาจกระทบต่อการทำหน้าที่ของสส.ฝ่ายค้านบางคนโดยเฉพาะพรรคประชาชนที่มีรายชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ หรือ ป.ป.ช.กรณีแก้ไขมาตรา 112 ที่จะต้องเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาและกระบวนการพิจารณาของป.ป.ช.อาจจะเดินหน้าและสส.บางคนอาจต้องถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไปก่อนถึงคิวการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่อย่างไร

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ได้เดินหน้าดำเนินคดีหมิ่นประมาทอย่างแข็งขันกับบิ๊กเนมการเมืองอีกด้วย