กลายเป็นประเด็นที่ยังคาราคาซังหาข้อยุติไม่ได้ ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน จะปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญในวันที่ 11 เม.ย.68นี้แล้ว ปรากฏว่า “ศึกสามเส้า” ยังเคลียร์กันไม่ได้ ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นายกรัฐมนตรี” เพียงคนเดียว จะทันในสมัยประชุมนี้หรือไม่
เมื่อ “ฝ่ายค้าน” โดย พรรคประชาชน ยังดึงดันเดินหน้า ไม่ถอนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ออกจากญัตติซักฟอก ทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ต้องหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะลำพังแค่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯคนที่ 31 ถูกยื่นซักฟอกกลางสภาฯ เพียงรายเดียว ก็หนักหนาอยู่แล้ว
ดังนั้นหากปล่อยให้ ฝ่ายค้านเปิดแผลลามไปถึง ทักษิณ ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค จะไม่ยิ่งสาหัสไปอย่างนั้นหรือ ?
ปฏิบัติการกดดัน และ “บีบ” ให้พรรคประชาชน ต้องถอนชื่อทักษิณ ออกจากญัตติ จึงกลายเป็นเรื่องยืดเยื้อและคุยกันไม่จบ ล่าสุด “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งสัญญาณ ประกาศิตว่าถ้าไม่ถอดชื่อทักษิณ ออกจ ก็จะไม่บรรจุญัตติซักฟอกลงในวาระการประชุมสภาฯแน่อน
เวลานี้ปฏิบัติการ “ยื้อ” ญัตติซักฟอก ไม่ให้เข้าไปอยู่ในวาระแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมที่มองเข้ามาว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเล่นเกมโดยจับมือกับ “ประธานสภาฯ” ไปถึงขั้นหวัง “ล้มศึกซักฟอก” ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาจาก “รอบนอก” ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทย ยอมถอย
ล่าสุดมีสัญญาณจากพรรคประชาชน แกนนำฝ่ายค้านแล้วว่าไม่ปิดประตูการเจรจา ล่าสุด “ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล” สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตอบคำถามสื่อที่ว่าจะไม่แก้ไขญัตติใช่หรือไม่ ในท่วงทำนองว่า “พูดคุยกันได้”
“ เรายืนยันว่าถูกต้องตามข้อบังคับ แต่ถ้าจะใช้อำนาจหรือขอความร่วมมืออะไรตนคิดว่ามาพูดคุยกัน เราไม่ได้พูดคุยอะไรไม่ได้เลย
ถ้าสุดท้ายต้องทำให้ราบรื่นลองมาพูดคุยกันก่อนว่าจะหาทางออกกันตรงไหน แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจหรืออ้างข้อกฎหมาย ข้อบังคับ แบบที่ไม่ตรงไปตรงมา หรือทำตามอำเภอใจตัวเอง” (11 มี.ค.68)
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของฝ่ายค้าน หากเลือกที่จะ “ถอย” ด้วยการถอดชื่อ ทักษิณ ออกจากญัตติ อาจเป็นการเปิดประตูไปสู่ “เกมในสภาฯ” นั่นคือฝ่ายค้านจะได้มีโอกาสใช้เวทีสภาฯ อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯแพทองธาร เว้นแต่จะมี “ใบสั่ง” ให้ล้มญัตติซักฟอกเป็นคำตอบเดียวเท่านั้น !