พรรคเพื่อไทย ประเมินได้ไม่ยากอยู่แล้วว่า แรงเขย่าจาก ศึกซักฟอก โดย ฝ่ายค้าน ย่อมไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจจะได้แผลฟกช้ำอยู่บ้างก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  

 จะมีก็แต่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย และเหนือ นายกฯ อย่าง แพทองธาร ชินวัตร  เท่านั้นที่ยังอดกังวลไม่ได้ว่า  ลูกสาว จะผ่านศึกในสภาฯ รอบนี้ไปได้อย่างไร ? 

  เมื่อประเมินแล้วยังมั่นใจได้ว่า เกมจากฝ่ายค้านคงไม่มีน้ำหนักมากพอ แต่สิ่งที่กำลังกลายเป็น ปัจจัย ที่กดดันต่อรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้พลิกฟื้นกลับมาได้อย่างไร เพราะอย่าลืมว่า  ทักษิณ เองรู้ดีว่ารัฐบาลในทุกยุค ทุกสมัยที่ผ่านมามีจุดแข็งและจุดขายอยู่ที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 
 

แต่ขณะเดียวกัน เสียงเรียกร้องการผลักดันนโยบายเรือธงคือการ แจกเงินหมื่น ที่อยู่ในความสนใจของผู้คน ตามที่พรรคเพื่อไทย เคยให้สัญญาและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลแจกเงินหมื่นไปแล้ว ทั้ง เฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 เป็นเงินสด แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะอยู่ระดับที่น่าพึงพอใจ 
 

ล่าสุดรัฐบาลเคาะออกมาตรการแจกเงินหมื่นเฟสที่ 3 ออกมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 มี.ค.68 ที่ผ่านมา หลังจากที่นายกฯแพทองธาร กลับมาจากภารกิจที่เบอร์ลิน และนั่งเป็นประธานประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการ เงื่อนไข หลักเกณฑ์ 

 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 10,000 บาท ในระยะที่ 3 แจกให้บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี รวมทั้งหมด 2.7 ล้านคน และคาดจะจ่ายเงินลงไปถึงมือได้ภายในปลายไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนเฟส 4 กลุ่มที่อายุเกิน 20-60 ปี จะแจกหรือไม่ ดูความเหมาะสมอีกครั้ง
 

กลุ่มอายุตั้งแต่ 16-20 ปีที่ได้รับเงินเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตมีจำนวนอยู่ที่ 2.7 ล้านคน กลุ่มนี้มี Digital Adoption สูง มีความตื่นรู้ทางด้านเทคโนโลยีสูง และความสามารถในการใช้จ่ายในรูปแบบนี้สูงกว่ากลุ่มอื่น เผ่าภูมิ  โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 มี.ค.68 ที่ผ่านมา


 แน่นอนว่าการแจกเงินหมื่นให้กับ กลุ่มเจน Z จำนวน 2.7ล้านคน รอบนี้ จะมีผลในทางการเมืองตามมาหรือไม่ ยังเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคาดหวัง ว่าอย่างน้อยที่สุด การช่วงชิงคะแนนนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เคยเทใจไปเลือกพรรคสีส้ม นับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาถึงพรรคก้าวไกล จนกระทบต่อจำนวนสส.ของเพื่อไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.และในเขตตัวเมืองหลายจังหวัด 

 ดังนั้น เมื่อใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ผ่านเจน Z จำนวน 2.7 ล้านคนรอบนี้ น่าลุ้นว่าจะสามารถ ต่อยอด  ดึงความนิยมให้สวิงกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน !?