ประเด็นสำคัญที่ถูกจับตามาหลายวันว่าจะเพิ่มอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนระอุมากขึ้นอีกหรือไม่ อยู่ที่มติจากบอร์ดคดีพิเศษ ว่าจะรับหรือไม่รับ คดีฮั้วเลือกสว.2567 เอาไว้เป็นคดีพิเศษ หรือไม่
เนื่องจากคดีดังกล่าวเชื่อมโยงกับ ความขัดแย้ง และการต่อสู้ทางการเมือง ระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย ว่าจะออกมามุมไหน
ที่สุดแล้วที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 3/2568 โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ส่วนคณะกรรมการ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการฯ มีมติออกมาอย่างเป็นทางการ ว่า ที่ประชุมมีมติ 11 เสียงจาก 18 เสียง ไม่รับคดีอั้งยี่ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงให้เป็นคดีพิเศษ
โดยให้ DSI ดำเนินการเฉพาะความผิดฐานฟอกเงิน เท่านั้น เนื่องจากเป็นความผิดที่อยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งอธิบดี DSI มีอำนาจดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องขอมติจาก กคพ.
เท่ากับว่าคดีฮั้วเลือกสว. เมื่อปี 2567 ซึ่งสว.ที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบ จะอยู่ในกลุ่ม 138+2 สว. ล้วนแล้วแต่เป็นสว.สายสีน้ำเงินที่เชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย
น่าสนใจว่าการรับคดีฮั้วเลือกสว.ครั้งนี้ ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงินตามอำนาจในมือของดีเอสไอเช่นนี้กำลังถูกประเมินว่า การขอมติจากในที่ประชุมครั้งนี้ว่ากันว่า ล็อบบี้ ไม่สำเร็จ เมื่อ ฝ่ายสีแดง คือพรรคเพื่อไทย หาเสียงเพื่อให้เป็นมติสอบความผิดคดีอั้งยี่ ซ่องโจรสู้ พรรคภูมิใจไทย ปีกสำน้ำเงินไม่ได้ เท่ากับว่าเกมยกนี้ พรรคเพื่อไทย จึงไม่ใช่ฝ่ายที่ชนะเบ็ดเสร็จ
แต่ถึงกระนั้นการที่ดีเอสไอ รับเอาคดีฮั้วเลือกสว. ซึ่งล้วนแล้วแต่สังกัดพรรคสีน้ำเงิน เอาไว้ในมือเช่นนี้ ย่อมถือเป็น โอกาส ที่จะนำมาใช้ในการต่อรอง ลากยาวไปถึงวันโหวต นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในราวปลายเดือนมี.ค.นี้
ส่วนการเจรจาหารือระหว่าง 4 ผู้ทรงอิทธิพล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.68 ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร -เนวิน ชิดชอบ-อนุทิน ชาญวีรกูล-นายกฯอิ๊งค์ อาจยังไม่ลงตัว เพราะไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยคงไม่ส่งสัญญาณให้ วางชนักปักหลัง พรรคภูมิใจไทยเอาไว้จนกว่า เสียงโหวตไว้วางใจ นายกฯอิ๊งค์ จะผ่านฉลุย เอาตัวรอดจากศึกซักฟอก ไปได้เสียก่อน !