ที่ดินรกร้างว่างเปล่าแถบชานเมืองกรุงเทพมหานคร เริ่มมีการเตรียมพื้นที่ทำประโยชน์ บ้างก็เริ่มยกร่องทำสวนปลูกกล้วยและพืชผลการเกษตรต่างๆ และบ้างก็เริ่มล้อมรั้วดำเนินการก่อสร้างภายในเป็นอาคารต่างๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 สอดคล้องกับการที่รัฐเริ่มเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มรูปแบบ หลังจากที่กฎหมายมีผลบงคับใช้ในปี 2562 แต่มีการผ่อนปรนมาในช่วงที่มีการของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด19 เนื่องจากหากปล่อยที่ดินรกร้างว่างเปล่าเกิน 3 ปีติดต่อกัน อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 0.3% ทุก 3 ปี แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 3%
ทั้งนี้ เมื่อไปดูวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 นั้นก็เพื่อปฏิรูปโครงสร้างระบบภาษีทรัพย์สิน ให้มีความทันสมัย เป็นสากลเช่นเดียวกับ นานาประเทศและแก้ไขปัญหาโครงสร้างภาษีเดิม กระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เพิ่มความเป็นอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดเก็บภาษีให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) FFISCAL POLICY สศค. OF สร้างความเข้มแข็งและโปร่งใส ในการบริหารการคลังของ อปท. Π ช่วยให้ท้องถิ่น มีงบประมาณพอเพียง ในการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญ ในระยะยาว
หากจำกันได้ในช่วงปี 2565 มีข่าวว่ามีการปลูกพืชผลการเกษตรในใจกลางกรุง ทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ ขณะที่บางรายก็ยืนยันที่จะปลูกสวนมะนาวกลางกรุงไม่ขายที่ดินให้บรรดาเศรษฐี
สำหรับผู้เขียนนั้น ขอมองต่างมุม การทำการเกษตรใจกลางกรุงนั้นควรไปเป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุน อย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเป็นเกษตรการ ปลูกไม้ยืนต้น หรือต้นไม้ใหญ่บนที่ดินทำกินก็ยิ่งเป็นประโยชน์เนื่องจากจะให้ระบนิเวศธรรมชาติของป่าไม้ แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้กับชาวกทม.และอีกหลายจังหวัดได้ ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าของที่ดินเดิมได้มีโอกาสรักษาพื้นที่ทำกินของตนเองที่เคยเก็บหอมรอมริบซื้อมา ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงเท่านั้น ที่ไปปลูกบ้านขายกันระดับไฮเอ็นด์แล้วปล่อยให้ทุนต่างชาติสีเทาใช้นอมินีมาซื้อเงินสดไว้ฟอกเงิน หรือทำธุรกิจสีเทา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำการเกษตรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ทุนและแรงงาน การดูแลบำรุงรักษา ทำให้เจ้าของที่ดินบางรายที่ไม่มีกำลังทรัพย์ ความรู้ความเข้าใจมากพอ เพราะไม่ใช่ว่าใครจะทำแล้วประสบความสำเร็จกันได้ทุกคน แม้แต่ลูกชาวไร่ชาวสวนที่โตมาเห็นพ่อแม่ทำมาก่อน เมื่อไปลงมือทำเองจริงๆก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ประสบความสำเร็จ ได้ผลผลิตและมีกำไรงอกงามจากผืนแผ่นดินได้
ผู้เขียนจึงอยากเชิญชวนให้รัฐบางกลาง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การสนับสนุนบรรดาเจ้าของที่ดินที่ไปต่อไม่ได้กับการทำการเกษตรและหรือโครงการอื่นๆ ในการจูงใจให้ใช้พื้นที่ในการจัดทำแก้มลิง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง แล้วลดภาษีที่ดินให้พวกเขาเหล่านั้น ก็จะได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน