ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้ากลับมาเป็นที่ถกเถียงในสังคมไทยอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร กำลังจะเสนอรายงานต่อสภาฯ โดยมีข้อเสนอ 3 แนวทางในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงการพิจารณาให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย เพื่อให้สามารถควบคุมและกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร กลับสวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม โดยยืนยันที่จะเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวดต่อไป

ท่าทีที่แตกต่างกันนี้ สร้างความสับสนและความกังขาในสังคมถึงทิศทางที่เหมาะสมในการจัดการกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ในฐานะสื่อมวลชนที่ยึดมั่นในความเป็นกลางและนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน หนังสือพิมพ์สยามรัฐเห็นว่า ประเด็นนี้ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและเปิดกว้าง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม

การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวดจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริงหรือไม่? ในเมื่อปัจจุบันยังคงมีการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และมีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 1 ล้านราย ซึ่งผู้ใช้เหล่านี้กำลังเสี่ยงกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพแบบไม่มีทางเลี่ยงได้ ไม่มีการควบคุมอย่างถูกต้อง เป็นที่มาของข่าวการเจ็บป่วยของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ในขณะที่ 80 กว่าประเทศทั่วโลกต่างควบคุมให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย แต่ประเทศไทยกลับเลือกกำหนดนโยบายจากกระแสข่าว การให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งถูกกฎหมายจะช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพ มาตรฐาน และการเข้าถึงของเยาวชนได้ดีกว่าหรือไม่? มาตรการทางกฎหมายและนโยบายสาธารณะใดที่จะสามารถลดการเจ็บป่วยและสารพิษจากบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด? คำถามเหล่านี้ควรได้รับการถกเถียงหาทางออกมากกว่าวนเวียนอยู่กับการปราบปรามแบบไฟไหม้ฟางตลอด 10 ปี ที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สั่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า

การมีเวทีอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค มาร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทยจึงเป็นแนวทางที่น่าสนใจและเป็นแนวทางที่พรรคเพื่อไทยได้เลือกเองผ่านการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่ทันที่คณะกรรมาธิการจะได้เสนอรายงานที่ผ่านการแลกเปลี่ยน ถกเถียง หาทางออกมากว่า 1 ปี รัฐบาลกลับเลือกจะแก้ปัญหาแบบเดิม ด้วยหวังว่าจะเกิดผลลัพธ์ใหม่

แนวทาง 3 ทางเลือกของกรรมาธิการ คือ 1.การคงสถานะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย 2. ควบคุมเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทยาสูบแบบให้ความร้อนซึ่งต่างจากบุหรี่ไฟฟ้า และ 3. ควบคุมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ประเภทยาสูบแบบให้ความร้อนให้ถูกกฎหมาย โดยมีมาตรการกำกับดูแลอย่างชัดเจน ซึ่งในรายงานของกรรมาธิการนั้น ได้ระบุข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแนวทางไว้อย่างชัดเจนเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐบาล

เราเชื่อว่าการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย การศึกษาตัวอย่างในต่างประเทศ และนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาประกอบการตัดสินใจ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถกำหนดนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมได้อย่างแท้จริง