หากจับท่าทีของ “พรรคเพื่อไทย” ยามนี้ จะพบว่าบรรยากาศ กลับมาเป็นบวกมากขึ้น เมื่อมีสัญญาณดี ส่งตรงมาจาก “พรรคภูมิใจไทย” จะพร้อมหนุน ญัตติของพรรคเพื่อไทย ที่จะยื่นถึงประธานรัฐสภาให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับการทำประชามติ
ทั้ง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะมือกฎหมายของพรรค แสดงความเชื่อมั่นกับสื่อว่าเมื่อพรรคภูมิใจไทยมีท่าทีสนับสนุนญัตติของพรรคเพื่อไทย จากนี้คงไม่มีอะไรให้ต้องสะดุดกันอีก
ขณะที่ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่แสดงเจตนารมณ์หรือหาเสียง
จากนี้เป้าหมายต่อไปของพรรคเพื่อไทย คือการผลักดันให้ ที่ประชุมรัฐสภา เลื่อนญัตติใหม่ขึ้นมาพิจารณาก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยก่อแก้ว ชี้ว่าหากรัฐสภามีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้ชะลอการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ชั่วคราว จนกว่าคำวินิจฉัยจะออกมา เพื่อให้แนวทางการแก้ไขเป็นไปอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ดี ในกระบวนการนี้ ไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่ การสร้างฉันทามติ จาก สว. ในจำนวน “67 คน” ที่จะหันมาสนับสนุนให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกิดขึ้นได้จริง โดยที่ไม่ถูก “ตีตก” กันตั้งแต่ไก่โห่ ในวาระแรก หากในขั้นรับหลักการในการประชุมรัฐสภา ไม่สามารถได้เสียง สว. ถึง 67 เสียงสนับสนุน
และเสียงสว.ที่ส่งสัญญาณไม่หนุน มาตั้งแต่แรก ก็มีเสียงที่อยู่ในสังกัด “สว.สายสีน้ำเงิน” กว่าครึ่งค่อนวุฒิสภา ดังนั้นหาก สว.สายสีน้ำเงิน ไม่ส่งสัญญาณ ให้ “ขยับ” ดูจะเป็นเรื่องยากที่พรรคเพื่อไทย จะได้ 67 เสียงของสว.
ปฏิกิริยาจาก อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถูกจับตาและตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด พรรคสีน้ำเงินจึงมีท่าทีอ่อนลงและเปลี่ยนแปลงไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นพรรคภูมิใจไทย ที่แถลงข่าวประกาศจุดยืนและวอล์กเอาท์ ออกจากห้องประชุมไม่อยู่เป็นองค์ประชุมร่วมการพิจารณาวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา จนทำให้พรรคเพื่อไทย ควันออกหูมาแล้ว
แต่ตลอดห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า พรรคภูมิใจไทยถูกกระหน่ำด้วยข่าวลือว่าด้วย “ดีลลับบรูไน” สาระหลักๆอยู่ที่การจงใจปล่อยข่าวเรื่องการปรับครม. ตัดพรรคร่วมรัฐบาล บางพรรคออก เพื่อลดอำนาจการต่อรอง และลดความขัดแย้งใน รัฐบาลผสม จะจริงหรือไม่ รอลุ้นนาทีสุดท้ายว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงจาก67 สว.จริงหรือไม่