ศึกในระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาล ด้วยกันเอง กำลังจะกลายเป็น เงื่อนไข ที่เขย่ารัฐนาวา โดยที่ ฝ่ายค้าน แทบไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ เพราะแม้วันนี้การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่เกิดขึ้น แต่กลายเป็นว่า มีรอยร้าวภายในรัฐบาลผสม อย่างที่เห็น
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันเป็นวาระสำคัญสำหรับ พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย มีเค้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นแทบไม่มี โดยเฉพาะหาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แม้จะนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมในครม. แต่กลับไม่ใช่ผู้คุมเกมด้วยตัวเอง
เพราะยังรอสัญญาณจาก พ่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดังนั้น แม้ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ จะขอให้ นายกฯอิ๊งค์ ใช้อำนาจประกาศยุบสภาฯ ยิ่งกลายเป็นการสร้างย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิง เพราะการยุบสภาฯ หากเกิดขึ้นจริง มีแต่จะพาทุกพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้ เดินไปสู่ มุมอับ ด้วยกันทั้งสิ้น
มิสู้ทนอยู่ร่วมกันต่อไป ในรัฐบาล ส่วนใครจะถอยบ้าง หรือปะทะกันบ้างก็ตามแต่จังหวะ เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนรู้ดีว่า นาทีนี้ไม่มีใครพร้อมเลือกตั้งใหม่ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ พรรคประชาชน ในฐานะพรรคฝ่ายค้านเอง ย่อมประเมินสภาวะของตัวเองได้ไม่ยากหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 มาหมาดๆ
ทว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาลผสม ที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาล เมื่อวันนี้ยิ่งมีความชัดเจนว่า มีสัญญาณ ไฟเขียว ให้มีการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟ ที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะพรรคภูมิใจไทย ทำเอาอนุทิน ถึงกับฟันธงว่าเรื่องนี้มี การเมือง อยู่เบื้องหลัง และเขาเองก็รู้ว่าเป็น ฝีมือใคร
หลายคนรู้ดีว่า ปัญหาการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟที่ปากช่อง ของอนุทิน โดยมี ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาชนกับ มวยรุ่นใหญ่ ครั้งนี้ มีวาระสำคัญ นอกเหนือไปจากการตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.บริเวณพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แต่ธนดล คือผู้ที่ถูกส่งมาเปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อเอาคืน
การอยู่ร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมี 71 สส.ในมือ และยังมีเครือข่าย สว.สายสีน้ำเงิน ในสังกัดกว่าครึ่งค่อนวุฒิสภา กำลังทำให้หลายคนหวั่นใจว่า รัฐบาลจะอยู่จนครบเทอมได้หรือไม่ เพราะหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ก็เคยเปิดศึกเขย่า พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมาแล้ว !