หลังจากที่ "7 อรหันต์ กกต." และ"คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" หรือคสช.ถูกถล่มอย่างหนัก จากประเด็น"เลื่อน-ไม่เลื่อน" วันเลือกตั้ง ว่าแท้จริงแล้ว ทั้งสองฝ่ายกำลังแอบจับมือกันเพื่อฉวยจังหวะ ลากยาวการเลือกตั้งออกไปโดยไปดึงวาระสำคัญของประเทศ คือการจัดงานพระราชพิธีเข้ามาเกี่ยวข้อง
วัน เวลา ที่ทั้ง กกต.และรัฐ บาลกำลังพิจารณาเพื่อ "เคาะ"ออกมาเป็น"คำตอบสุดท้าย" จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน มีเพียงการคาดการณ์ว่า วันไหนน่าจะเหมาะสมมากที่สุด
ซึ่งล่าสุดไปลงล็อกเอาในราวเดือน มี.ค.นี้แต่ไม่ว่าจะขยับวันเลือกตั้งเพื่อไม่ให้
กระทบกับงานพระราชพิธีตามที่ "มือกฎหมายรัฐบาล" อย่าง "วิษณุ เครืองาม"รองนายกรัฐมนตรี ระบุเอาไว้ก็ต้องให้อยู่ในกรอบ 150 วัน
แน่นอนว่าเมื่อแนวโน้มวันเลือกตั้งกำลังถูกขยับออกไปจากเดิม คือวันที่ 24 ก.พ. ย่อมทำให้ฝ่ายการเมืองเกิดความหวั่นไหวกันไปไกลจนถึงขั้นที่ว่า ที่สุดแล้วการเลือกตั้ง จะมีขึ้นหรือไม่ ยิ่งเมื่อเวลานี้"กระแสนิยม" ของรัฐบาล คสช. และพรรคพลังประชารัฐ มีแต่จะดิ่งลง
ยิ่งเมื่อ "หมอเลี๊ยบ" นพ.สุรพงษ์สืบวงศ์ลี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็น ที่กำลังกระตุกให้ผู้คนในสังคมได้ฉุกคิด ว่า การเลื่อนเลือกตั้งออกไปเป็นวันที่ 24 มี.ค.นั้นอาจจะส่งผลให้เท่ากับ "ไม่มีเลือกตั้ง" เลยก็ได้ ! พร้อมทั้งยกเหตุผลขึ้นมาอธิบายด้วยกันถึง 16 ข้อ เพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาตั้งข้อสังเกตนั้นไม่ห่างไกลจากความเป็นจริง
แต่ถึงกระนั้นกลับน่าสนใจ เมื่อทีมบุ๋น ของพรรคเพื่อไทย ออกมาส่งสัญญาณเตือนดังๆไปยังสังคมให้ระวังเกมของฝ่าย คสช.ว่าอาจจะนำไปสู่การไม่มีเลือกตั้งก็ตาม แต่ปรากฏว่าขณะเดียวกันทีมบู๊ได้ส่ง "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงมาเป็น "แคนดิเดต" ในเก้าอี้ "นายกฯคนที่ 30" กับพล.อ.ประยุทธ์ และ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทำให้การเมืองที่ถูกแบ่งออกเป็น "3 ก๊ก 3 ขั้ว" ยังคงเต็มไปด้วยความเข้มข้นและต่างฝ่ายต่างไม่สามารถประมาทคู่ต่อสู้ของตัวเองได้เลย
อย่างไรก็ดี แม้วันนี้การเมืองยังคงเดินหน้าไปอย่างดุเดือด แต่ล่าสุดเมื่อพี่น้องชาวไทยในจังหวัดภาคใต้ ต่างประสบภัยจาก "พายุปาบึก" ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จนล่าสุดสถานการณ์ในวันนี้ (7 ม.ค.) หลายพื้นที่ ในหลายจังหวัดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ได้ทำให้ "ฝ่ายการเมือง" จำต้องพักเบรก เรื่องราวทางการเมืองกันเอาไว้เป็นการชั่วคราว
ไม่ว่าจะเป็นการพรรคใหญ่ พรรคเก่า พรรคใหม่ ต่างไม่มีใครกล้า "สวนกระแส" เดินหน้าชนด้วยประเด็นการเมือง มากไปกว่าการแสดงบทบาทให้กำลังใจ ไปจนถึงการเข้าให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้
เช่นเดียวกับการที่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ตัดสินใจเพิ่มหมายกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเพื่อติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นจุดที่ถูกพายุปาบึกพัดถล่มหลายพื้นที่ ได้รับความเสียหายจำนวนเป็น 16 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่โซนชายฝั่งทะเลอ่าวไทย 6 อำเภอ
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้เปิดเผยผลกระทบที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 3 - 5 ม.ค. จากพายุโซนร้อนปาบึก ส่งผลกระทบในพื้นที่ 18 จังหวัด รวม 90 อำเภอ 407 ตำบล2,635 หมู่บ้าน 133 ชุมชน ประชาชนได้
รับผลกระทบ 212,784 ครัวเรือน696,189 คน ประชาชนยังอยู่อาศัยในศูนย์อพยพ 8 จุด รวม 1,119 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ในจ.นครศรีธรรมราช 2 รายและจากปัตตานี 1 ราย ผู้สูญหายในจังหวัดปัตตานี 1 ราย
นั่นหมายความว่าวันนี้ "ภารกิจเร่งด่วน" ของทุกๆฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลคือการทุ่มเทและโฟกัสไปยังความเดือดร้อนของประชาชน เพราะไม่เช่นนั้น ใครที่สวนกระแส อาจจะเจอ "ย้อนศร" !