“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี บอกอย่างชัดเจนกับสื่อ ในวันที่เดินทางไปอวยพรวันเกิดปีที่ 70ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนา ถึงข่าวคราวว่าด้วยการ “ปรับครม.” ว่า “ยังไม่ถึงเวลา”  เพราะดูเหมือน ทักษิณ จะรู้ดีว่าหาก “ขยับ” คิดปรับเปลี่ยน “ตำแหน่งผู้เล่น” ในครม. “ แพทองธาร 1”  อาจมีเหตุให้ต้องเกิดแรงสั่นสะเทือนตามมา !

            อย่าลืมว่าวันนี้ พรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ไม่ได้มี “อานุภาพ” ชี้เป็น ชี้ตายเหนือ พรรคร่วมรัฐบาล เช่นเดียวกับทักษิณ เอง ที่แม้วันนี้ตัวเองจะมีบทบาทโดดเด่น  แต่ย่อมประเมินสถานการณ์ได้ว่า การปรับครม. โดยเฉพาะการ “ดึง”  เอากระทรวงเกรดเอ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคนั้น ผลลัพธ์ที่ตามมา อาจ “เสีย” มากกว่า “ได้” 

            หลายวันก่อน ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อ อย่างมีนัยยะถึงเป้าหมายการเมืองสนามใหญ่ของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า 2570 ว่าเพื่อไทยน่าจะได้ 200 ที่นั่ง แต่การที่เป็น “รัฐบาลพรรคเดียว” นั้นคงไม่เอา เพราะคนเราต้องมีเพื่อน  นกมีขนฉันใด คนเราก็ต้องมีพรรคพวกฉันนั้น  

            แต่ถึงกระนั้นไม่ได้หมายความว่า ลึกๆแล้ว ทักษิณ ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทย กลับมายิ่งใหญ่และยึดหัวหาดแบบเบ็ดเสร็จ เพียงแต่ การเข้าใกล้ “ความเป็นไปได้”  นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

            ยิ่งเมื่อผลการเลือกตั้งอบจ. เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา สะท้อนได้ว่าในสนามการต่อสู้ ไม่ได้มีเพียงทักษิณ ที่โดดเด่นเหนือคนอื่นอีกต่อไป  เว้นแต่จากนี้ “พรรคคู่แข่ง” อย่าง “พรรคประชาชน” จะเจอกับอุบัติเหตุทางการเมือง จากคดี “44 อดีตสส.ก้าวไกล” ถูกคณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูล จากกรณีร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขม. 112 ซึ่งเป็น “ภาคต่อ”  มาจากการดาบแรกที่ “พรรคก้าวไกล” ถูกยุบพรรคไปแล้วก่อนหน้านี้

            เพราะหากผลออกมาเป็นลบกับพรรคสีส้ม แม้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้กล้าแข็งเหมือนในอดีต แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ การที่ “คู่แข่ง” อ่อนแรงลงไป โดยที่พรรคเพื่อไทยไม่ต้องออกแรง

            การปรับครม. อาจยังเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป และหากจะใช้เงื่อนของ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” มาเป็น “ตัวแปร”  เว้นแต่การปรับครม. หากมีขึ้นจริง เพื่อ “หวังผล” ในทางการเมือง อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นหลักมากกว่า ทั้งการดึง “กระทรวงหลัก”  ที่เป็นด้านเศรษฐกิจและกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่ในมือ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีทั้งอำนาจฝ่ายปกครอง ไปจนถึงแขนขาจากข้าราชการ  แต่อย่าลืมว่าวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลเองต่างมีฤทธิ์ มีเดช ไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆเช่นกัน !