การพ่ายศึกเลือกตั้งนายกอบจ.และสมาชิกอบจ. สำหรับ พรรคสีส้ม คือ พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 ที่ผ่านมา อาจเป็นเพียง จุดเริ่มต้น และยังมีโอกาสกลายเป็น จุดอ่อน ที่เปิดให้ ฝั่งตรงข้าม ได้เห็นและนำไปประเมินได้ว่า ในการเลือกตั้งรอบหน้า 2570 ทำอย่างไร จึงจะสามารถ ปิดเกม ตัดตอน พรรคสีส้ม ในสนามเลือกตั้งสส. ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
แม้หลายต่อหลายฝ่าย มองในอีกมุมในแง่บวกต่อพรรคประชาชน ว่า ในศึกเลือกตั้งอบจ. ปี2568 สามารถ เจาะ เข้าไปซิวได้ 1เก้าอี้ นายกอบจ.ลำพูน ขณะเดียวกันยัง สแกนพื้นที่ ว่าจุดไหน กระแสตก และจะต้องเพิ่มคะแนนนิยม อย่างไร เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับพรรคสีส้ม ในอีก 2ปีข้างหน้า
การใช้ ผู้ช่วยหาเสียง อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นั้นเป็น แม่เหล็กได้มากพอแล้วหรือไม่
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของพรรคประชาชน ขณะที่กำลังเดินหน้าไปในสังเวียนการเมือง แต่ในห้วงเวลาเดียวกัน กลับพบว่าพวกเขายังมี ชนัก ที่ติดหลังอยู่ จนอาจส่งผลต่อ การต่อสู้ทางการเมืองในอีก 2ปีตามมา
เมื่อ 44อดีตสส.ก้าวไกล ยังมีคดีค้างอยู่ในการพิจารณาของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากที่เคยร่วมกันเข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย ม.112
ล่าสุด สาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาฯป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรงกับ 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไต่สวน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน
โดยตามขั้นตอนนั้น เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว จะพิจารณาว่า มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หากมีหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนจะเสนอให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณา
แต่สิ่งที่เลขาฯป.ป.ช. ระบุและอาจกลายเป็น ตัวเร่ง ให้สถานการณ์ของพรรคประชาชนตกเป็นรองตามมา คือห้วงระยะเวลาที่จะสามารถพิจารณาคำร้องได้ภายใน 1-2 เดือนจากนี้ เพื่อที่จะสรุปได้ว่าจะมีการชี้มูลความผิดหรือไม่ และมีใครบ้างในจำนวน 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่อาจจะไม่ได้ ไปต่อ
ด้วยปัญหาทางเทคนิคว่าด้วยคดีความ และคำร้องอันล่อแหลม ต้องลุ้นระทึกเช่นนี้ กำลังตอกย้ำ ภาวะอันตึงเครียดของพรรคสีส้ม อย่างที่สุด !