“ชัยชนะ” ในวันวาน ไม่อาจเป็นคำตอบ สำหรับ ณ ปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อบริบทการเมืองแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การกลับมาบ้านเกิดสำหรับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯคนที่ 23 จึงดูจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ ให้กับพรรคการเมืองในมือ
ยิ่งภาพสะท้อนจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 ที่ผ่านมา กำลังเป็นคำตอบให้เห็นแล้วว่าการดำรงอยู่ของทักษิณ ก่อนแลนด์ดิ้ง ประเทศไทย เมื่อ 22 ส.ค.2566 จนถึงวันนี้ เขาเองมีภารกิจหลักอยู่ที่การ “ลดโทนพรรคส้ม” ลงให้ได้มากที่สุด ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย จะเติบใหญ่กล้าแข็ง ย้อนกลับไปสู่อดีตที่เคยรุ่งเรืองสมัยพรรคไทยรักไทย นั้นอาจไม่ได้รวมเอาไว้ใน “ดีลลับ” แต่อย่างใด
เพราะไม่เช่นนั้น คงไม่ได้เห็นภาพ “พรรคร่วมรัฐบาล” ต่างพากัน เปิดหน้าบุก ส่งผู้สมัคร ลงไปชิงชัยชนกับพรรคเพื่อไทย กวาดที่นั่งนายกอบจ. ติดไม้ติดมือ สร้างผลงานเป็นที่พอใจ อย่างที่เห็น ทั้งพรรคภูมิใจไทย ทำไปได้ 5 จังหวัด พรรคภูมิใจไทยกวาดไปได้ 9 ที่นั่ง เบียดไหล่ พรรคเพื่อไทยที่ได้ 10จังหวัด
สำหรับสื่อและกูรูหลายสำนัก อาจมองว่า ทักษิณ สิ้นมนต์ขลัง คะแนนนิยมลดน้อยถอยลงไปที่เคยมี ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำแต้มนายกอบจ.มาได้ 10 ที่นั่ง จากที่ส่งลงสมัครทั้งสิ้น 16 จังหวัด และล่าสุด “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯและในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เองออกมาระบุว่า จากนี้คงต้องมีการมาดูกันว่า แต่ละพื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายทั้งหมด 16 จังหวัด นั้นเกิดปัญหาอะไร แต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร
เช่นเดียวกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ต่างออกมายอมรับว่า จากนี้จะต้องมีการ “ถอดบทเรียน” ก่อนที่จะไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ ที่จะมีขึ้นในปี 2570
อย่างไรก็ดี สำหรับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกมองว่า พรรคสีน้ำเงินทำแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะอนุทิน ไม่ได้มองว่าทักษิณ เสื่อมมนต์ หากแต่นี่คือ “จอมยุทธ์” ต่างหาก
“ ไม่มีหรอกสิ้นมนต์ขลัง จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าท่านสิ้นมนต์ขลัง คงจะประสบความหายนะอย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือประมาณอะไรได้ ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว" (4 ก.พ.68)
ทางหนึ่ง อนุทิน คงไม่ต้องการเปิดศึกกับทักษิณ เพราะดูจะไม่มีประโยชน์อันใด และอีกทางหนึ่ง อาจเป็นเพราะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คงประเมินว่า “ไพ่ตาย” หรือ “ไม้เด็ด” ของทักษิณ ยังไม่ได้ทิ้งลงมา ก่อนไปถึงศึกใหญ่ นัดเปิดสนาม ในอีก 2ปีข้างหน้า