ศึกเลือกตั้งอบจ.ลงไปแล้ว ตั้งแต่ค่ำคืนของวันที่ 3 ก.พ.68 ที่ผ่านมา แต่ “สงคราม” นั้นยังไม่จบ มิหนำซ้ำยังจะมีท่าทีว่าจากนี้ไปในห้วงระยะเวลา 2ปีที่เหลือของรัฐบาลนี้ “พรรคร่วมรัฐบาล” จะชูธง ตีคู่ไปกับ “พรรคเพื่อไทย” ด้วยหรือไม่
เมื่อการเลือกตั้งอบจ. ปี 2568 เกิดภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นแล้วว่า เมื่อ พรรคเพื่อไทย ถูกผูกโยงเอาไว้กับ “ตัวบุคคล” คือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาเคลื่อนไหวช่วยหาเสียงในฐานะ “ผู้ช่วยหาเสียง” นั้นกำลังกลายเป็น “ปัญหาใหม่” ขึ้นมา
เพราะการที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มีความพร้อมแทบทุกประตู โดยเฉพาะการมีผู้ช่วยหาเสียงระดับ “เบอร์หนึ่ง” คือทักษิณ ลงมาขอคะแนน แต่กลับกวาดที่นั่งนายกอบจ.ไปได้ 10 จังหวัดจากที่ส่งลงสมัครทั้งหมด 16 จังหวัด
แม้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯและในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังให้สัมภาษณ์สื่อล่าสุด โดยยอมรับว่า “เสียดาย” เพราะชนะไม่หมดตามที่คาดหวังเอาไว้
สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว นี่คือศึกแห่งศักดิ์ศรี โดยเฉพาะเป็นการสะท้อนถึงความนิยมที่ประชาชนทั้งกองเชียร์เดิม ไปจนถึง “คนเสื้อแดง” ที่ ทักษิณ เดินสายไปปลุกใจ ทวงคะแนนกันถึงพื้นที่ แต่ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยยังถูก “เจาะ” ด้วยกันหลายพื้นที่ แม้แต่ พรรคสีส้ม พรรคประชาชน ยังฝ่าวงล้อม เข้ามาตีที่จ.ลำพูนได้ แม้จะเป็นที่นั่งเดียวก็ตาม
สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย หลังการเลือกตั้งสมาชิกและนายกอบจ. ดูจะอึมครึมและน่าหนักใจไม่น้อย เพราะแม้ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” แกนนำพรรค จะออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าทักษิณ เรียกสส.ของพรรคเพื่อ “จัดแถว” กันใหม่หมด หลังจากที่ตัวเลขนายกอบจ.ไม่เข้าเป้า ว่าเป็นเพียง “ข่าวลือ” ก็ตาม
แต่เหนืออื่นใด ในความพ่ายแพ้ ของพรรคเพื่อไทย ก็เหมือนเป็นชี้ให้เห็นว่า ทักษิณ นอกจากจะไม่ขลัง เหมือนเดิม เป็นไปตามที่ตัวเองได้แสดงเอาไว้ แล้วยังอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในฐานะ “ตัวแทน” ฝั่งอนุรักษ์นิยม ตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่ พรรคภูมิใจไทย สามารถยึด “สว.”เอาไว้ได้มากกว่าครึ่งในสภาสูง เกิดเป็น “สว.สายสีน้ำเงิน” ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อพรรคเพื่อไทยและตัวทักษิณ มาแล้วว่า พรรคภูมิใจไทย มีความแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเป็น “ตัวเลือกใหม่” ให้กับฝั่งอนุรักษ์นิยม แทนทักษิณ ได้ทุกเมื่อ !