เสือตัวที่ 6
การลอบวางระเบิดและใช้อาวุธปืนจ่อยิงซ้ำที่หัวในขณะที่เหยื่อของพวกเขาไม่อยู่ในสภาวะที่จะต่อสู้ด้วยความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์กับ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครูสอนวิชาเกษตร โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ บนถนนสายศรีสาคร-ลูโบ๊ะยือริง จ.นราธิวาส ทำให้ครู ตชด.ทั้งสองท่านเสียชีวิตลงก่อนวันครูเพียง 1 วัน สร้างความสลดหดหู่กับคนทั่วไปที่โจรใต้ลงมือสังหารครูทั้งสองจากการลงมือโจรร้ายในขบวนการร้ายกลุ่มนี้ที่ทำร้ายทำลายชีวิตผู้คนที่กำลังสร้างคุณประโยชน์ให้คนในพื้นที่เช่นนี้ และเป็นการทำร้ายจิตใจให้กับคนทั่วไปเนื่องจากครูทั้ง 2 คนที่เสียชีวิตเป็นบุคคลที่เป็นที่รักของผู้ปกครองและชาวบ้านในพื้นที่ที่กำลังให้ความรู้แก่ลูกหลานของพวกเขา ด้วยความโหดเหี้ยมของกลุ่มโจรอย่างไร้เหตุผลใดๆ ในการสังหารคร่าชีวิตครูทั้งสองท่าน ทั้งที่กำลังทำหน้าที่ของความเป็นครูที่เสียสละความสุขสบายส่วนตัวเพื่อลูกหลานของคนในพื้นที่ด้วยอุดมการณ์ความเป็นครูอันบริสุทธิ์ และแม้การเป็นมุสลิมของผู้สูญเสียทั้งสองก็ตาม แต่กลุ่มบีอาร์เอ็นก็ยังคงลงมือลอบสังหารบุคลากรทั้งสองอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่กลุ่มบีอาร์เอ็นจะยกมากล่าวอ้างได้ และเป็นที่สังเกตได้ว่าการลงมือก่อการร้ายใดๆ แม้จะมีความอ่อนไหวเพียงใด หากแต่กลุ่มบีอาร์เอ็นก็จะไม่เกรงกลัวต่อการสูญเสียแนวร่วมทางการเมืองเพราะพวกเขามีกลุ่มคนที่เป็นแนวร่วมในระดับชาติที่กำลังโลดเเล่นอยู่ในระบบการเมืองไทยในขณะนี้ที่ช่วยปกป้องการก่อการร้ายอย่างกล้าแข็งตลอดมา นั่นจึงทำให้การต่อสู้ของขบวนการร้ายกลุ่มต่างๆ ในแดนมิคสัญญีแห่งนี้มีความเหิมเกริมมากขึ้นทุกที
หลังเหตุการณ์ลอบทำร้ายและสังหารชีวิตครูผู้บริสุทธิ์ทั้งสองท่านนี้กลุ่มบีอาร์เอ็นก็ออกมาประกาศผ่านสื่อโซเชียลว่าเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการร้ายครั้งนี้โดยอ้างว่าเป็นการต่อสู้เพื่อช่วงชิงดินแดนปาตานีอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาคืนมาจากการยึดครองของชาวสยาม และด้วยครูคือผู้หล่อหลอมกล่อมเกลาสรรค์สร้างคนในพื้นที่ให้มีวิธีคิดและอุดมการณ์ในแบบอย่างที่คนเป็นครูสอนสั่งตั้งแต่เด็ก เยาวชน จนเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลบริหารจัดการงานในพื้นที่ท้องถิ่นตลอดถึงรัฐประเทศต่อไป อุดมการณ์จึงถูกหล่อหลอมจากครูสู่ลูกหลานให้สืบทอดวิธีคิดต่อไป ครูจึงเป็นเป้าหมายหลักที่สำคัญเป้าหมายหนึ่งของกลุ่มโจรในขบวนการบีอาร์เอ็นที่ต้องถูกทำลาย ปฏิบัติการสังหารครูที่เป็นชาวพุทธรวมทั้งครูที่เป็นมุสลิมแต่ฝักใฝ่รัฐไทยจึงถือเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มโจรใต้อย่างชัดเจนซึ่งอยู่ในเป้าหมายหลักที่ต้องทำลาย เพื่อที่จะตัดขาดเด็กและเยาวชนรวมทั้งพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ปลายด้ามขวานที่พวกเขากล่าวอ้างว่าเป็นของบรรพชนของพวกเขาในอดีต ให้ออกจากสังคมไทยและกดทับด้วยอุดมการณ์รัฐปาตานีอันคับแคบอย่างบ้าคลั่งสุดโต่ง ด้วยการไม่ให้มีครูชาวพุทธ และสร้างความหวาดกลัวครูชาวมุสลิมที่อาจมีแนวโน้มเอาใจออกหากจากขบวนการร้าแห่งนี้ให้ดำรงคงอยู่ในอาณัติของแกนนำขบวนการเพื่อให้การหล่อหลอมกล่อมเกลาเด็กและเยาวชนในพื้นที่อยู่ในกรอบแนวคิดที่เป็นไปตามแนวทางของรัฐเอกราชปาตานีของขบวนการ ปรากฏการณ์การสังหารครูชาวพุทธและครูมุสลิมที่เอาใจออกห่างขบวนการร้ายของพวกเขาหลายคนในพื้นจึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดมาจวบจนปัจจุบันและจะเกิดขึ้นต่อไปตราบใดที่รัฐไทยยังไม่ตระหนักรู้และยังไม่ทุ่มเททรัพยากรในการต่อสู้กับกองโจรกลุ่มนี้โดยเฉพาะกลุ่มบีอาร์เอ็นอย่างเต็มกำลังและจริงจังต่อเนื่อง
นอกจากนั้น เป้าหมายในการทำลายของกองโจรในขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐก็คือใครก็ตามที่ขัดขวางหรือเป็นปรปักษ์กับพวกเขา ก็จะถูกทำลายอย่างไม่เลือกหน้า ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกเวลาและไม่เลือกสถานที่ และไม่เลือกศาสนา อาทิ เมื่อ 12 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่ทหารพราน 2 นาย ถูกกองโจรกราดยิงจนเสียชีวิตขณะกำลังช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมใหญ่ ในพื้นที่ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ. นราธิวาส โดยไม่ใยดีต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ แม้การกระทำของทหารพรานเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ แต่ด้วยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นคนของรัฐไทยที่อาจส่งผลให้คนในพื้นที่ฝักใฝ่รัฐได้พวกเขาจึงต้องถูกทำลาย การบุกยิงนายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ เสียชีวิต ขณะที่นั่งประชุมในการเตรียมงานวิสาหกิจชุมชนที่ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อปลายปี 2567 ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนชาวพุทธที่สร้างการอยู่ร่วมกันระหว่างวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี จึงถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม หรือกระทั่งการสังหารทำลายชีวิตผู้นำทางศาสนาที่มีใจฝักใฝ่กับรัฐหรือไม่ให้ความร่วมมือกับการต่อสู้ของขบวนการร้ายของพวกเขาที่ต้องถูกกำจัด
ปรากฏการณ์สังหารครูพุทธตลอดจนครูมุสลิมและผู้นำศาสนาที่เอาใจออกห่างขบวนการร้ายรวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐก็จะเกิดขึ้นต่อไปด้วยเป็นเป้าหมายที่เป็นอุปสรรคบนเส้นทางสู่เอกราชปาตานีที่เข้มข้นทั้งการสังหารด้วยอาวุธอย่างโหดเหี้ยมควบคู่กับการสนับสนุนทางความคิดที่กล่าวอ้างประเด็นด้านสิทธิเสรีภาพจากแนวร่วมอย่างเข้มข้นที่ส่งผ่านกลุ่มคนระดับชาติในระบบการเมือง ทำให้ความกล้าแข็งของกลุ่มบีอาร์เอ็นมีมากขึ้นทุกที ถึงกับวันนี้มีการประกาศอย่างโจ่งแจ้งถึงความต้องการที่ชัดเจนของกลุ่มก่อการร้ายบีอาร์เอ็น ด้วยการพ่นสีสเปรย์สีแดงด้วยคำว่า “PATANI MERDEKA” (เอกราชของปาตานี) ที่ป้ายด้านหน้าของโรงเรียนบ้านเตาปูน ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา อันเป็นสถานที่ให้การศึกษาลูกหลานคนในพื้นที่ เมื่อปลายปี 2567 บ่งบอกถึงเป้าหมายการต่อสู้กับรัฐที่ชัดเจนในการแบ่งแยกอำนาจการปกครองจากรัฐไทยสู่ความเป็นเอกราชปาตานีของพวกเขา นับเป็นการท้าทายอำนาจรัฐที่อหังการมากขึ้นทุกทีที่รัฐไม่อาจเพิกเฉยได้