สถาพร ศรีสัจจัง

นักการศาสนาหลายท่านบอกว่า คำ “ไฟนรก” นั้นมี “นัย” ทางจริยธรรม กล่าวคือ ทุกศาสนา โดยเฉพาะศาสนาหลักๆของโลก เช่น พราหมณ์ คริสต์ พุทธ และ อิสลาม เป็นต้น มักมีเรื่องราว หรือ “ตำนาน” เพื่ออรรถาธิบายเรื่อง “ไฟล้างโลก” “ไฟประลัยกัลป์” หรือ “ไฟนรก” ตรงกันว่า เกิดขึ้นเพื่อเป็นการ “ลงทัณฑ์”พฤติกรรมชั่วของเหล่า “มนุษย์บาป” โดยฝีมือของ “พระเจ้า”!

ในคัมภีร์เก่าของพระอรรถกถาจารย์บางเล่ม- ศาสนาแบบ “อเทวนิยม” อย่างพระพุทธศาสนา แม้จะไม่กล่าวเช่นนั้น (เพราะเป็นศาสนาที่ไม่มี “พระเจ้า”) แต่ก็มีตำนาน หรือ “ปกรณัม” เกี่ยวกับเรื่อง “ไฟประลัยกัลป์”หรือ “ไฟนรก” อยู่ไม่น้อย

มีปรากฏการณ์ขยายความสืบเนื่องให้เห็นอยู่ในวรรณกรรมไทยเชิงขนบ (Thai Traditional Literature) ยุคโบราณอยู่ไม่น้อย เช่น ในวรรณคดีเชิงพุทธศาสนาเรื่อง “เตภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” ของพญาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย วรรณคดีเรื่อง “ประกาศแช่งน้ำโคลงห้า” หรือ ที่บางใครรู้จักในชื่อ “ลิลิตโองการแช่งน้ำ” และนิราศคำโคลงของเก่าที่ชื่อ “กำศรวลสมุทร” หรือ ที่นักวรรณคดียุคเก่ามักเรียก “กำศรวลศรีปราชญ์” เป็นต้น

จนถึงวรรณกรรมเอกของไทยที่ชื่อ “นิราศนรินทร์” ของ นายนรินทรธิเบศร์(อิน)ที่นักวรรณคดียุคเก่ามักไม่เรียกว่าเป็น “ลิลิต” แต่อย่างใด ทั้งๆที่รูปแบบการเขียนประกอบด้วย “ร่าย” และ “โคลง” เช่นเดียวกับ “ลิลิตโองการแช่งน้ำ” หรือ “ประกาศแช่งน้ำโคลงห้า” (จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นปราชญ์ท่านแรกที่อธิบายให้เห็นว่าฉันทลักษณ์หลักที่กวีใช้ในการรจนาเรื่องนี้คือ “โคลงห้า” อันเป็นมรดกฉันทลักษณ์เก่าแก่ด้านกวีนิพนธ์แถบลุ่มน้ำโขงโบราณ)

สื่อมวลชน (โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์) จำนวนไม่น้อยในโลก(รวมถึงหนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับ)พาดหัวข่าวเรื่องไฟป่าครั้งใหญ่ที่กำลังเผาคลอกทั้งบ้านเรือนและผู้คนแถบเมืองลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้ เหมือนเพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายการอำลาตำแหน่งของนายโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดี และต้อนรับประธานาธิบดี(มหาเศรษฐี) “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ที่ชื่อนาย “โดนัลด์ ทรัมป์”(ไม่ใช่ “โดนัลด์ ดั้ก” ตัวละครการ์ตูนที่เป็นเป็ดของวอลต์ ดิสนีย์แห่งฮอลลีวูด)

พวกเขามักใช้คำพาดหัวข่าวเรื่องนี้ตรงกันในทำนองว่า “ไฟนรกคลอกแคลิฟอร์เนีย”!

มีบางส่วนอรรถาธิบายความ อ้างโยงเรื่องนี้ไปถึงคติความเชื่อทางศาสนาดังที่ได้กล่าวมาแล้วแต่ต้นว่า เหตุที่ไฟใหม้สหรัฐอเมริกาครั้งนี้ เป็นเพราะ “พระเจ้าลงโทษ”!

คือลงโทษต่อ “บาป” มหันต์ที่ผู้นำสหรัฐอเมริกา(ซึ่งมี “ยิว” เป็นผู้อิทธิพลเหนือระบบเศรษฐกิจ-การเมืองมาโดยตลอด)ที่ไปสนับสนุนร่วมมือกับผู้นำประเทศอิสราเอลทั้งด้วยอาวุธที่แสนจะทันสมัยและด้วยการเงินจำนวนมหาศาล(แบบ “ปากว่าตาขยิบ” หรือ “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ”) ร่วมกันเข่นฆ่าชีวิตและทำลายที่อยู่อาศัยทั้งปวงของชาวปาเลสไตน์อย่างป่าเถื่อนแบบไม่รู้จักแยกแยะชั่วดีหรือผิดถูก

ผู้คนชาวปาเลสไตน์ที่เป็นทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา คนพิการ ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางสู้อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนไม่ใช่มนุษย์กระทำต่อเพื่อมนุษย์ด้วยกัน!

ด้วยข้ออ้างเพียงว่าเพื่อปราบปรามทำลายล้างกลุ่มก่อการร้ายที่ชื่อ “กลุ่มฮามาส” ที่ “บังอาจ” กล้าโจมตีอิสราเอลในวันที่ในวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2023

เหมือนกับที่เข้าถล่มชาวบ้านและสิ่งปลูกสร้างในแผ่นดินประเทศเลบานอนกับประเทศเยเมนหลังจากนั้น ด้วยข้อหา เพื่อทำลายล้าง “กลุ่มอิสบุลเลาะห์”และ “กลุ่มฮูตี” ในฐานะ “กลุ่มก่อการร้าย” เช่นเดียวกัน!

จนทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนนับหมื่นนับแสนในปาเลสไตน์ ในเลบานอนและในเยเมน(โดยเฉพาะผู้หญิง เด็ก และคนชรา) ต้องล้มตาย ต้องพิการ ต้องสูญหาย ต้องอดอยากขาดอาการ ขาดยารักษาโรค ขาดที่อยู่อาศัย อย่างน่าเวทนายิ่งนัก โดยไม่มีใครสามารถขัดขวางห้ามปรามการ “ล้อมฆ่า” อย่างป่าเถื่อน(ในโลกสมัยใหม่)ครั้งนี้ได้เลย

แม้แต่องค์การสหประชาชาติและศาลโลก!

มีวิญญูชนจำนวนไม่น้อยในโลกตระหนักร่วมกันมานานแล้วว่า “การฆ่าแบบล้างเผ่าพันธุ์” เช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ “มหาอำนาจบาป” ได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่องยาวนาน อย่างน้อยก็นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการเอาระเบิดปรมาณูไปทิ้งบอมเมืองฮิโรชิมะ และ เมืองนางาซากิของญี่ปุ่นจนทำให้เมืองแทบจะทั้งเมืองต้องพังพินาศและผู้คนในเมือง 2 เมืองนั้น ต้องล้มตายลงพร้อมกันในคราเดียวเป็นจำนวนมาก (ยังมีซากเป็นอนุสรณ์สถานอยู่จนบัดนี้ แต่ผู้นำญี่ปุ่นยุคปัจจุบันเหมือนจะไม่รู้จักจำ)

ลามต่อมาเรื่อยๆจนถึงยุคสงครามเย็น(Cold War) มีปรากฏชัดๆอยู่ในแทบทุกทวีป ตั้งแต่ในคาบสมุทรเกาหลี ในยุโรปตะวันออก ในโลกอาหรับ ในอาฟริกา และในลาตินอเมริกา

แต่ที่คนไทยน่าจะตระหนักรู้ได้ชัดก็คือในแถบประเทศเพื่อนบ้านของเรา คือเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ที่เคยถูกถล่มด้วยระเบิดและอาวุธอันชั่วร้ายจนแทบจะราบเป็นหน้ากลอง

โดยเฉพาะในเวียดนาม(อำนาจ “เงิน” ทำให้ “ชนชั้นนำ” ของประเทศนั้นลืมกันไปแล้วหรือ?)

ถ้าจะนับจำนวนคนผู้บริสุทธิ์ในประเทศต่างๆทั่วโลกที่ต้องล้มหายตายจากไป(โดยเฉพาะผู้หญิง เด็ก และคนชรา) เพราะความโหดร้าย ความไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี ไม่รู้จักบาปบุญ ของมหาอำนาจนักค้าสงครามรายนี้ ตั้งแต่ได้ครองอำนาจในโลก(ด้วยการสั่งสมกำลังทหารและสรรพาวุธทำลายล้างไว้ข่มขู่ต่อรอง)หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านมา ก็น่าจะเกินคณานับ!

หรือ “ไฟนรก” ที่คลอกผู้คนในมลรัฐฮาวายเมื่อช่วงปีก่อน และที่กำลัง “เผา” รัฐแคลิฟอร์เนียจนแทบจะวอดวายอยู่ทั้งเมืองให้เห็นแบบประจักษ์ตาอยู่ในวันนี้ จะไม่สามารถตักเตือนสามัญนำนึกเถื่อนของบรรดา “ท่านผู้นำบาป” ในแผ่นดินแห่งนั้น ผู้มีแต่ “ศรัทธาปลอม” และ ไม่เคยเชื่อใน “พลัง” แห่งสภาวธรรมที่แท้จริงของ “พระเจ้า” ได้เลยข้าแต่พระองค์อาเมน!!!