แสงไทย เค้าภูไทย ขึ้นปีใหม่ปีกุน แต่ปีเก่าปีจอยังไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะถึงสงกรานต์ ปัญหาค้างคาจึงติดมา ซ้ำเติมให้หนักหนาสาหัสกว่า โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเมือง แม้ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะชะลอตัวถึงที่สุด ทำให้คาดการณ์และเป้าหมายอัตราเติบโตผิดทุกไตรมาส สภาพไม่ตาย ไม่โต ตาโบ๋ หัวโต ตัวลีบ ประชาชนแบกหนี้ครัวเรือนเพิ่ม หนี้เสียแบงก์เพิ่ม 1.79 ล้านล้านบาท ความเหลื่อมล้ำถ่างยิ่งขึ้น คนจนเพิ่มกว่าเท่าตัวจากปีก่อน คนมีรายได้เกลี่ยอัตราค่าแรงขั้นต่ำมีถึง 20 ล้านคน ทำให้กำลังซื้ออ่อนอยู่แค่ 11% ของที่เคยมีเต็มศัยภาพเท่านั้นสภาพเศรษฐกิจปีที่แล้ว เป็นอย่างไร ปีนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น หรือยิ่งกว่านี้หากได้รัฐบาลหน้าเก่าเพราะเศรษฐกิจโลกปีนี้กำลังเป็นขาลง บรรดายักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโลก ต่างพากันปรับลดเป้าหมายอัตราเติบโตกันทุกประเทศ ส่วนด้านการเมือง ยังคงมีการเคลื่อนไหวในวงจำกัด เพราะเพิ่งปลดล็อคกันเมื่อใกล้สิ้นปี ปลดล็อคแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรผิดแผกไปจากก่อนปลด แม้การเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคประชารัฐจะเป็นจุดสะดุด ที่อาจจะก่อเกิดการเปลี่ยนเกม ทว่าอำนาจรัฐที่คสช.ยึดและยืดอายุไปจนถึงหลังเลือกตั้งจนแม้มีรัฐบาลใหม่แล้ว ก็ยังเป็นเกราะกำบังกายได้อยู่ แต่หลังเทศกาลปีใหม่ไปแล้ว เมืองไทยจะเข้าสูู่บรรยากาศการเลือกตั้ง ภูมิทัศน์การเมืองจะเปลี่ยนไป การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อว่าจะดุเดือดรุนแรง เพราะตลอด 5 ปีที่ประเทศไทยตกอยู่ใต้เผด็จการทหาร ฝ่ายประชาธิปไตย พยายามหาช่องทางโจมตีคสช.ตลอด ไม่เคยหยุดหย่อน แม้จะถูกครอบมิให้เคลื่อนไหวในทางกิจกรรม แต่กลุ่มต้านก็เคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ ใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีต่อเนื่องกลายเป็นสิ่งปลุกเร้าที่สะสมในความรู้สึกของคนไทย ที่ได้รับความทุกข์จากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวตลอดอายุรัฐบาลคสช.เมื่อเปิดให้มีการเคลื่อนไหวเสรีเพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แรงดันในหม้อต้มที่สะสมมา 5 ปีย่อมจะระเบิดออกมา การต่อสู้ชิงชัยครั้งนี้ คสช.พยายามสร้างความได้เปรียบทุด้านตั้งแต่การตั้งสว. 250 คนเพื่อเป็นเสียงข้างตนไปจนกระทั่งการออกกฎหมายเลือกตั้ง และร่างกฎกติกาที่ทำให้พรรคซีกรัฐบาลได้เปรียบ จนแม้กระทั่งการเงินสนับสนุนพรรคสายเพื่อไทยก็ถูกสกัดกั้นจน ทักษิณ ชินวัตร และหว่านเครือไม่สามารถส่งเงินให้ได้ต้องหยิบยืมจากผู้สนิทสนมกันมาทดแทน การเลื่อนกำหนดเลือกต้ังหรือโรดแม็พทำมาถึง 5 ครั้ง ด้วยเหตุผลว่า สถานการณ์ยังไม่พร้อมและการออกกฎหมายยังไม่สมบูรณ์การบ่ายเบี่ยงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนของพลเอกประยุทธ์เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนปฏิกิริยาตอบรับคำพูดของเขาของประชาชนคนไทยเป็นความนิ่งเฉย วารสาร The Economist อันทรงพลังของโลกนำภาพคล้ายพลเอกประยุทธ์ไปวาดรูปการ์ตูนพิน้อคชิโอ หุ่นไม้ที่ชอบพูดโกหกไปขึ้นปกร่วมกับนักการเมืองและคนสำคัญที่มีบทาทเด่นของโลกในปี 2018 การเลื่อนโรดแมปเลือกตั้งแต่ละครั้งนั้น เหตุผลแท้จริงก็คือ ฝ่ายคสช.ไม่พร้อม ความไม่พร้อมคือคนไทยส่วนใหญ่ไม่รับพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีเพราะมีการสำรวจค่านิยมอันจะเป็นผลไปถึงคะแนนเสียงทุกครั้งพบว่า ความนิยมในตัวพลเอกประยุทธ์ลดลงตลอดมา แม้สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งจะทำโพลเพื่อบิดเบือนผลโพลให้เข้าข้างพลเอกประยุทธ์ เช่นคำถามเปรียบเทียบเป็นรายบุคคลว่าใครที่ประชาชนเห็นว่าควรจะเป็นนายกฯคนต่อไป แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก เพราะเมื่อถามถึงพรรคที่จะเลือก กลับได้คำตอบว่าเพื่อไทยแต่ที่เป็นตัวชี้วัดว่าคสช.จะควรจะเปิดให้มีการเลือกตั้งเสรีหรือไม่ และเป็นช่วงไหนดีที่สุดกลับเป็นโพลของสันติบาล โพลสันติบาลเป็นโพลปกปิด หรือเป็นรายงานลับจากทุกพื้นที่ในประเทศไทยที่แม่นยำที่สุดผลประชาชนส่วนใหญ่ยังคงแสดงความตั้งใจจะเลือกพรรคเพื่อไทย ผลสำรวจนี้เองที่นำไปสู่การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ที่มีการแยกพื้นที่ที่เป็นเสียงของพรรคเพื่อไทยให้กระจายเป็นเบี้ยหัวแหลกหัวแตกทำให้รู้สึกว่าพรรคข้างพลเอกประยุทธ์น่าจะได้รับเลือกตั้งได้เสียงมากพอจะจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่กลับปรากฎว่า พรรคอาณานิคมของคสช.กลับไม่ได้รับความนิยมตามเป้าหมาย ทั้งๆที่มีการซื้อตัวอดีตสส.เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ที่ประชาชนนิยมมาเป็นซึกรัฐบาลมากมาย การระดมทุนจากงานเลี้ยงโต๊ะจีนและการเรียกบรรดาเจ้าสัวไปพบแบบลับๆเพื่อให้สนับสนุนเงินแก่พรรคข้างพลเอกระยุทธ์ทำให้เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการใช้เงินจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฝ่ายวิจัยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่าจะมีเงินสะพัดช่วงเลือกตั้งถึง 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะ ซีกคสช.ไม่สามารถคิดค้นสูตรสำเร็จในการปูทางกลับมาสู่อำนาจใดได้ผลดีเท่ากับการใช้เงิน เมื่อพรรคสายคสช.จะกลายเป็นเสียงข้างน้อยแต่กลับได้จัดตั้งรัฐบาล หรือหาหนทางเป็นรัฐบาลจนได้ อะไรจะเกิดขึ้น ? บรรดานักวิชาการ ครูบาอาจารย์ นักปราชย์ราชบัณฑิต เห็นพ้องกันว่า จะเกิดความวุ่นวายโกลาหลไปทั่วแผ่นดิน บรรดาโหราจารย์พากันทำนายว่าจะเกิดกลียุค อาจถึงขั้นนองเลือดในเดือนมีนาคม ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะมีอันเป็นไป โบราณว่าหมอดูคู่กับหมอเดา เชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล แต่ครั้งนี้ ทำไมเดาเข้าเค้าจัง