ยังมองไม่เห็นหนทางที่ พรรคประชาชน จะเดินหน้าผลักดัน เป้าหมาย ที่วางเอาไว้ให้บรรลุขึ้นมาได้ เพราะแค่เริ่มต้น ก็เจอ แรงต้าน แสดงตัวชัดเจนว่าไม่เอาด้วย !
ท่าทีจาก สว. ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด สายสีน้ำเงิน และ อยู่ในกลุ่มสายสีน้ำเงิน ต่างออกมาแสดงความกังวล ฝากไปถึงพรรคประชาชน ว่านอกจากจะทำไม่สำเร็จแล้ว ยังอาจกลายเป็น ชนวน นำไปสู่ ความขัดแย้ง ระหว่างสองสภาฯ ขึ้นตามมา คือสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
กรณีดังกล่าวกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตา ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากแกนนำพรรคประชาชน ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะเสนอ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในเรื่อง การออกเสียงรับหลักการวาระแรก และเสียงเห็นชอบในวาระสาม ที่กำหนดให้ใช้เสียงเห็นชอบ ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่
โดยเสนอให้ตัดเงื่อนไขที่ต้องใช้เสียงเห็นร่วมด้วยของสว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ออกไป และแทนที่ด้วยเสียงเห็นชอบจาก สส. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 แทน ถูกโจมตีว่า พรรคประชาชนกำลังพยายาม ริบอำนาจ ของสว.ซึ่งอาจสุ่มเสี่ยงขัดต่อเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยเรื่องอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา หรือไม่
เดิมทีความหวังของพรรคประชาชน ฝากเอาไว้ส่วนหนึ่งที่พรรคเพื่อไทย ด้วยหวังว่าหากเสนอบางเงื่อนไขเพื่อ ปลดล็อค ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญทำได้สะดวกขึ้นและทันต่อการเลือกตั้ง 2570 หากรัฐบาลอย่าครบเทอม แต่ดูเหมือนว่าสัญญาณจาก พรรคเพื่อไทย เองที่ส่งผ่าน แกนนำ ต่างออกมาในทิศทางที่ไม่ต่างกันนัก นั่นคือ ไม่คิดลิดรอนอำนาจสว. หรือมุ่ง หักด้ามพร้าด้วยเข่า
เพราะพรรคเพื่อไทย ย่อมรู้ดีว่าระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับ ความมั่นคง ในทางการเมือง ของ นายกฯคนที่ 31 ที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร นั้น อะไรสำคัญมากกว่ากัน !
ล่าสุดดูเหมือนว่า ทั้งสว. อังคณา ลีนะไพจิตร และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ต่างไม่ได้สังกัด สว.สีน้ำเงิน ยังเชื่อว่า แนวทางการเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ของพรรคประชาชน ด้วยการ ริบอำนาจ ของสว. นั้นยิ่งทำให้โอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยิ่งยากจะสำเร็จ มิหนำซ้ำ จะกลายเป็นปัจจัยสร้างความขัดแย้งใหม่
และแน่นอนว่า ความขัดแย้งใหม่ ที่หลายฝ่ายกำลังเป็นห่วงนั้น ย่อมทำให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง ในรัฐสภา อันเป็น สมรภูมิ ที่ทั้งพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ฝ่ายที่ถือ อำนาจต่อรอง เหนือ พรรคร่วมรัฐบาล ที่ออกตัวชัดเจนแล้วว่า ไม่เอาด้วย ยังไม่นับรวมการปลุกแนวรบ นอกสภาฯ ขึ้นมาโดยไม่จำเป็น
เมื่อบวก ลบ คูณ หาร ออกมาแล้ว ยังไม่เห็นว่า พรรคเพื่อไทย จะมีทาง ได้ มากกว่า เสีย ดังนั้น งานนี้ พรรคประชาชน กำลังเดินหน้าไปอย่างโดดเดี่ยว เหมือนที่เคยเป็นมา !