ดูเหมือนว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะวางตำแหน่งการเล่นของตัวเองเอาไว้อย่างชัดเจนว่าในฐานะ “ฝ่ายบริหาร” จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับ “งานสภาฯ” ซึ่งเป็น “ฝ่ายนิติบัญญัติ” อาจเป็นเพราะเป็นโซนที่ไม่เหมาะกับเธอ ที่จะเดินเข้าไปสู่สังเวียนในสภาฯ ให้กลายเป็น “เหยื่อ” สำหรับ “ฝ่ายค้าน” หรือสส.ต่างพรรค
ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าทุกการเรียกร้องจาก สส.ฝ่ายค้านทั้งพรรคประชาชน หรือพรรคพลังประชารัฐ จึงไม่มีผลอย่างใด อย่างหนึ่งมากพอที่จะทำให้นายกฯแพทองธาร ไปปรากฏตัวตอบกระทู้สด กลางสภาฯ ประจันหน้ากับสส.ฝ่ายค้าน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายกฯแพทองธาร ย่อมประเมินได้ว่า งานในสภาฯให้เป็นหน้าที่ของสส.และรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับงานในสภาฯ และอีกด้านหนึ่งอย่าลืมว่าการมาปรากฎตัวต่อสาธารณะของ “พ่อ” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ทั้งการเดินสายช่วยลูกพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ. หลายต่อหลายจังหวัด หรือการเข้าร่วมสัมมนากับสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมา สั่งเหล่านั้นคือ “คำตอบ” ที่ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่า เธอเองไม่จำเป็นต้องลงมาคลุกวงในด้วยตัวเอง
การเดินสาย ลงมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของทักษิณ ที่ผ่านมาก็มีความคึกคัก แต่จากนี้ไป มีแนวโน้มว่าในฐานะเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ทักษิณ จะลงมาเล่นเองเพื่อผลักดันเป้าหมายให้พรรคเพื่อไทย กวาดสส.ได้ตามเป้าหมาย นั่นคือไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง
โดยการขับเคลื่อนทางการเมือง ในสไตล์ทักษิณ จะเดินเกมไปควบคู่กับ การใช้มือไม้และกลไกที่มีอยู่ ทำงานในลักษณะ “ทหารราบ” ฝ่าแนวรบฝั่งตรงข้ามเข้าไปขยายอำนาจ เหมือนกับการวางให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ที่เวลานี้แม้จะสังกัดพรรคกล้าธรรม แต่ก็ถูกจับตาว่า พร้อมจะเข้าเป็น “สาขา” พรรคเพื่อไทย เมื่อได้รับ สัญญาณ
การขยับเข้าไปในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี คือภาพที่ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการรุกเข้าไปชิงอำนาจจาก “ขั้วเก่า” คือ ตระกูลวิลาวัลย์ โดยให้ร.อ.ธรรมนัส เข้าไปดูแลพื้นที่จ.ปราจีนบุรี ผลักดัน “สจ.จอย” ณภาภัช อัญชสาณิชมน ชิงเก้าอี้นายกอบจ. ปราจีนฯ สร้างฐานอำนาจใหม่ เหนือตระกูลวิลาวัลย์
ปฏิบัติการในระดับภาคพื้น คือการเมืองที่ทักษิณ กำลังรุกคืบไปในอีกหลายพื้นที่ ผ่านผู้เล่นทั้งที่เห็นตัวตนอย่างร.อ.ธรรมนัส และยังมีมือทำงานที่พร้อมลุยงานเตรียมพร้อมรับศึกเลือกตั้งอบจ. ในเดือนก.พ.2568 อีกหลายส่วน