ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ
อาจารย์ประจำคณะการทูตและการต่างประเทศ
มหาวิทยาลัยรังสิต
สัปดาห์ที่แล้วเราได้สรุปการเมืองโลกในปี 2024 กันไปแล้วนะครับ สัปดาห์นี้เรามาเจาะลึกลงไปที่ “ปัญหาความมั่นคง” กันบ้าง...เช่นเดียวกับปัญหาการเมืองครับ ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่โลกของเรายังคงร้อนแรงด้วยปัญหาความมั่นคงหลากหลายรูปแบบ เรามาลองไล่เลียงกันดูครับ
สงครามและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหานี้เห็นจะเป็นปัญหาความมั่นคงที่ร้อนแรงที่สุดของโลกในปีนี้ครับ เป็นภาพที่ชัดเจนของปัญหาความมั่นคงทางทหารที่หลายๆคนคิดว่าน่าจะหมดไปแล้วในยุคสมัยนี้ ซึ่งก็มีตั้งแต่ปัญหาที่อุบัติขึ้นเป็นการใช้กำลังแก่กันอย่างชัดเจน (Hot War) และที่ยังฮึ่มๆกันเป็นหมอกควันจางแต่ยังไม่ฉะกันตรงๆ (Cold War) เช่น สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน สงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ รวมไปจนถึงการแข่งขันกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในหลายๆมิติ ซึ่งแน่นอนว่าจะละทิ้งประเด็นจีนและไต้หวันไปไม่ได้
ซึ่งประเด็นเหล่านี้ เป็นประเด็นที่แยกไม่ขาดจากการเมืองโลกในปีที่ผ่านมา อาทิ การเปลี่ยนผู้นำของสหรัฐฯ การผลักดัน BRI และ BRICS ของจีน รวมไปจนถึงการแข่งขันกันทางเทคโนโลยี ซึ่งล้วนแต่เป็นทั้ง “เหตุ” และ “ผล” ของความร้อนแรงในมิติการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ไปพร้อมๆกัน เชื่อได้ว่าปีหน้าก็จะได้เห็นกันต่อเป็นหนังม้วนยาว และก็ต้องมาดูกันต่อว่านโยบายของทรัมป์ที่จะลงมือทำจริงหลังจากรับตำแหน่งในปีหน้าจะส่งผลอย่างไรต่ออุณหภูมิทางการเมืองและความมั่นคงของโลก
ปัญหาความมั่นคงทางเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบันและอนาคต นอกจากจะส่งผลบวกต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างความร้อนแรงทางการเมืองและความมั่นคงได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งทางเทคโนโลยี ได้กลายเป็นเชื้อไฟให้การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจร้อนระอุมากขึ้นในปีนี้ ในขณะเดียวกัน โลกและประชาคมโลกก็ได้เจอกับปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ ที่เปรียบเสมือนเงาตามตัวของการพัฒนาทางเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่มากขึ้น เพราะมนุษย์พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นการแย่งชิงข้อมูลหรือการใช้เทคโนโลยี ก็อาจกลายเป็นช่องว่างให้เกิดปัญหาความมั่นคงตามมา ทั้งในรูปแบบของการควบคุมและในรูปแบบของการถูกโจมตี นอกจากนี้การแข่งขันกันทางเทคโนโลยีอาจส่งผลต่อภูมิทัศน์ด้านพลังงานในอนาคต ซึ่งเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ๆนี้เองอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้โลกต้องแข่งขันกันในมิติใหม่ๆ เพื่อแหล่งพลังงานที่จะสร้างความได้เปรียบทั้งเศรษฐกิจและการทหาร ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปีต่อๆไปเช่นกัน
ปัญหาโลกเดือด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปี 2024 แม้ว่าอาจจะไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าก่อให้เกิดผลเสียอะไร แต่เป็นที่ค่อนข้างชัดเจนว่าการพยายามทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นน้อยลง “ล้มเหลว” ความมั่นคงทางน้ำและอาหารรวมถึงเศรษฐกิจอันเป็นผลลัพธ์มาจากปัญหาสิ่งแวดล้อมเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังส่งผลต่อการเกิดขึ้นของปัญหาอื่นๆอีกเช่นกัน อาทิ การโยกย้ายถิ่นฐาน และปัญหาการแสวงหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศ ที่ยังดูแล้วมีความท้าทายในการสร้างข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ค้างคาและจะต้องดูกันต่อไปว่าโลกทั้งใบนี้ จะมีแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร
สำหรับรอบข้างประเทศไทย ปีที่ผ่านมาเราพบกับการสู้รบกันระหว่างรัฐบาลเมียนมาและชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดน ที่แม้จะดูเหมือนเบาบางลงในช่วงท้ายปี แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจบริเวณแนวชายแดนและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน นำไปสู่การคิดแล้วคิดอีกของไทยว่าจะวางบทบาทและขยับตัวอย่างไรต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ในขณะที่อาเซียนที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นที่พึ่งก็ยังไม่ได้มีบทบาทอะไรที่เป็น “รูปธรรม” และ “มีพลัง”
ปัญหาความมั่นคงอื่นๆ อาทิ ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมข้ามโดเมน (โลกออนไลน์ – โลกออฟไลน์) ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคทั่วโลก จนเรียกได้ว่าเป็น “normal” ของโลกไปเสียแล้ว
ในปีหน้าที่จะถึงนี้ ก็คงต้องวาดฝันและเฝ้าดูไปพร้อมๆกัน ว่าปัญหาความมั่นคงของโลกจะมีวิวัฒนาการไปอย่างไร จะดีขึ้นหรือเลวลง...มากน้อยขนาดไหน การแบ่งกลุ่ม แบ่งขั้ว อาจมีมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยของเราก็ต้องทำการบ้านกันอย่างหนักเพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ และรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของคนไทย
เอวัง