เสือตัวที่ 6
ความเป็นอธิปไตยของรัฐนั้นมีความหมายอันทรงคุณค่าที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐประเทศใดจะต้องรักษาไว้อย่างสูงสุด ด้วยอำนาจอธิปไตยของรัฐที่มีไว้เพื่อคุ้มครองป้องกันรัฐ ไม่ให้รัฐอื่นเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในรัฐได้รัฐมีความสามารถที่จะดำเนินการใดๆ ในรัฐของตนได้อย่างอิสรภาพเสรีภาพ รวมถึงอำนาจของรัฐในการที่จะดำเนินกิจการระหว่างประเทศ การแก้ปัญหาระหว่างประเทศ อันแสดงออกถึงความเป็นเอกราชของรัฐนั้น ๆ ท่ามกลางประชาคมโลกนั้นเอง จึงเห็นได้ว่ากรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทยเมื่อปลาย พ.ย.67 ที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน สูญหาย 2 คน บาดเจ็บ 2 และยึดเรือประมงไป 1 ลำ ถูกจับกุมไป 31 คน จึงเป็นการละเมิดอธิปไตยโดยไม่ยำเกรงต่อศักยภาพของรัฐไทย นับเป็นการท้าทายอำนาจอธิปไตยของรัฐไทยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่เรือประมงไทยทั้ง 3 ลำ ด้วยวิถีกระสุนที่บ่งบอกว่าเป็นการยิงที่ต้องการทำลายเป้าหมาย ทั้งที่ตามหลักการทั่วไปแล้ว เมื่อเกิดการรุกล้ำน่านน้ำหรือเขตแดน จะต้องมีการสื่อสารกันก่อนเป็นอันดับแรก มีการแจ้งเตือน และหากจะมีการใช้อาวุธก็ต้องยิงไปที่กราบเรือ ไม่ใช่เก๋งเรือ ไม่ได้หมายชีวิต เพียงเพื่อต้องการให้เรือหยุด ทำการจับกุมหรือควบคุมเรือเท่านั้น
นอกจากนั้น พื้นที่ทางทะเลก็มีกฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law of the Sea (UNCLOS) พื้นที่ทางทะเลที่มีความกว้างไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล เมื่อวัดจากเส้นฐาน (หมายถึงเส้นหรือจุดเริ่มต้นจากชายฝั่ง) ออกไป ถือเป็นทะเลอาณาเขตของประเทศนั้นๆ หรือหมายความว่ารัฐชายฝั่งมีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งภายในพื้นที่ 12 ไมล์ทะเลนี้ UNCLOS ระบุให้เรือจากประเทศอื่นสามารถได้สิทธิการผ่านโดยสุจริตบริเวณพื้นที่ตรงนั้นได้ หากไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่เป็นภัยหรือคุกคามต่อรัฐชายฝั่งนั้นๆ ดังนั้นเรือใดๆ ก็ตามที่อยู่ในเขต 12 ไมล์ทะเล ถ้าแสดงความบริสุทธิ์ใจหรือแสดงออกถึงการเข้ามาในพื้นที่นั้นโดยสุจริต เรือลำนั้นก็สามารถเข้ามาได้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาต แม้กระทั่งเรือดำน้ำก็แสดงความสุจริตของตัวเองด้วยการลอยลำเหนือผิวน้ำขึ้นมา เรือรบสามารถใช้สิทธิการผ่านโดยสุจริตได้เช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่เรือรบเมียนมาควรจะต้องปฏิบัติต่อเรือประมงที่ไม่มีอาวุธใดอย่างละมุนละม่อมและหากเป็นเรือประมงของประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตทางทะเลติดต่อกัน ย่อมเป็นเหตุให้ต้องใช้กติกาสากลบนพื้นฐานของกัลยาณมิตรมากกว่านี้
ดังนั้น การใช้อาวุธสงครามของเรือรบเมียนมาต่อเรือประมงไทยจนเกิดการสูญเสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมทั้งยังจับกุมชาวประมงบนเรือประมงไทยเป็นจำนวนมากครั้งนี้ จึงสะท้อนให้เห็นถึงการกระทำที่อุกอาจรุนแรงเกินกว่าเหตุอย่างชัดเจนโดยเฉพาะในพื้นที่ทับซ้อน รัฐข้างเคียงย่อมต้องใช้หลักละมุนละม่อม โดยมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก นอกจากนั้น ปรากฏการณ์ยิงเรือประมงไทยโดยเกินกว่าเหตุครั้งนี้จึงบ่งบอกถึงการไม่ยำเกรงต่อศักยภาพทางการเมืองตลอดจนศักยภาพทางทหารของรัฐไทยเลยแม้แต่น้อย ซึ่งรัฐไทยพึงตระหนักในสถานภาพของรัฐไทยในมุมมองของประเทศเพื่อนบ้าน โดยรัฐไทยควรแสดงท่าทีที่ส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่ารัฐไทยไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อการกระทำที่เกินกว่าเหตุของทางการเมียนมาต่อกรณียิงเรือประมงที่พยายามหาปลาซึ่งไม่ได้หมายมารบกับใคร เพราะปรากฏการณ์นี้กำลังชี้ให้เห็นว่าเมียนมามองรัฐไทยอย่างไร้ความหมาย
ต่อกรณีเครื่องบินรบของเมียนมารุกล้ำน่านฟ้าของไทยเมื่อด้าน อ.พบพระ จ.ตาก เมื่อ 30 มิ.ย.ของปีก่อน เพื่อต้องการโจมตีทำลายกองกำลังชนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาตามแนวชายแดนไทย - เมียนมา นับเป็นครั้งแรกๆ ที่ประเทศเพื่อนบ้านบังอาจส่งเครื่องบินรบบินรุกล้ำเข้ามาในเขตน่านฟ้าของรัฐไทย เป็นการแสดงออกถึงความไม่ยำเกรงต่อศักยภาพทางการเมืองและศักยภาพทางทหารโดยเฉพาะการไม่ยำเกรงต่อกองกำลังทางอากาศของไทย ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตทั้งที่อาศัยอยู่ในเขตอธิปไตยของชาติ และที่สำคัญคือการรุกล้ำน่านฟ้าของเมียนมาได้ส่งผลกระทบต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นรัฐเอกราชอย่างชัดเจนที่สุด รวมทั้งล่าสุด สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย บริเวณดอยหนองหลวง และ ดอยหัวม้า ด้านตรงข้ามพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน กำลังอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างหนัก โดยกองทัพสหรัฐว้า UWSA ในพื้นที่บ้านคายหลวง ได้มีการเสริมกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักจำนวนมาก เข้าเพิ่มเติมที่ฐานดอยหัวม้า ฐานหนองหลวง และ ฐานย่อยอีก รวม 5 ฐาน อันเป็นการรุกล้ำเขตอธิปไตยแห่งดินแดนของไทย แม้กองทัพไทยได้มีการเจรจากับว้าแดง เพื่อขอให้ถอนกำลังออกจากฐานฯ ดังกล่าว แต่ว้าแดงปฏิเสธและมีท่าทีแข็งกร้าวโดยพร้อมจะตอบโต้กองทัพไทยหากรุกล้ำเข้ามา
แม้การต่อสู้กันของรัฐบาลเมียมากับกลุ่มต่อต้านรัฐของเขาจะเป็นเรื่องภายใน หากแต่การสู้รบของทั้งสองฝ่ายก็ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนไทยโดยตรง อาทิ การสู้รบบริเวณบ้านอูเกรทะ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ด้านตรงข้ามกับบ้านวาเลย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ในครั้งนั้น ได้ส่งผลให้มีกระสุนไม่ทราบชนิดข้ามตกมายังฝั่งพื้นที่ประเทศไทยเป็นระยะๆ ตลอดมา หากแต่หลายครั้งที่การสู้รบของทั้งสองฝ่ายได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นอย่างไม่ควรจะเป็น เพราะพื้นที่แห่งนั้นเป็นดินแดนในเขตอธิปไตยของไทยที่ประเทศเมียนมาควรให้ความเคารพและระมัดระวังอย่างสูงสุดไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ จากการกระทำใดๆ แม้แต่น้อย แม้การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องทำ แต่ต้องรักษาเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศด้วยการแสดงออกถึงศักยภาพทางการเมืองที่เข้มแข็ง ศักยภาพทางทหารด้วยกองทัพอันเกรียงไกรเป็นที่น่าเกรงขามของรัฐใดๆ เพื่อคงไว้ซึ่งอธิปไตยของรัฐทั้งทางบก ทางทะเล หรือน่านฟ้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน