เหมือนจะชนะ แต่ยังเดินไปไม่สุดทาง ! เมื่อเกมการต่อสู้ สำหรับ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะ เจ้าของพรรคเพื่อไทย คล้ายกับกำลังเริ่มต้นใหม่ ในวงรอบใหม่ และยังอาจกลายเป็นภารกิจที่ทำให้ทักษิณ ต้องเหน็ดเหนื่อยมากกว่าที่ผ่านมา
เพราะการส่ง "ลูกสาว" คือ "แพทองธาร ชินวัตร" เข้าไปนั่งนายกฯคนที่ 31 และผ่านพ้นช่วงฮันนีมูนไปแล้วเกือบ 4 เดือน แต่ปรากฏว่ารัฐบาลยังไม่มี "ผลงาน" เข้าเป้า เข้าตากรรมการซึ่งเป็นประชาชน นอกจากการแจกเงินหมื่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเงินสด และไม่ได้ใช้ชื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่ได้เคยหาเสียงเอาไว้
แต่การแจกเงินหมื่น ในรอบแรกให้กลุ่มเปราะบาง ที่ถือบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐ ดำเนินผ่านพ้นไปแล้ว จนกระแสเริ่มซาลง เวลานี้ อยู่ในห้วงของการ รอแจกเงินหมื่น เฟสที่ 2 ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 4 - 5 ล้านคน โดยจะมีขึ้นก่อนตรุษจีนปีหน้า 2568
ทว่าการผลักดันนโยบายรัฐบาลสอดรับกับ การปราศรัยใหญ่ของ ทักษิณ ที่ลุยลงไปที่จ.อุดรธานี ทวงคืน "เมืองหลวงคนเสื้อแดง" หาเสียงช่วย "ศราวุธ เพชรพนมพร" จนชนะ เลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุดรฯ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.67 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การเล่นบทนำ ของทักษิณ ผ่านเวทีปราศรัย ที่อุดรธานี กำลังถูกจับตาว่าพรรคเพื่อไทย จะต่อยอดชัยชนะจากนี้ไปอย่างไร โดยเฉพาะการตั้งเป้ากวาดที่นั่งนายก อบจ. ที่จะมีขึ้นทั่วประเทศปีหน้า 2568 ในวันที่ 1 ก.พ.67 แต่กว่าที่สถานการณ์การต่อสู้จะเดินไปถึงปีหน้า ปัญหา ใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่กำลัง เจออยู่ และเป็นที่มาว่าเหตุใด ทักษิณ จึงไม่สามารถอยู่นิ่งในบ้านจันทร์ ส่องหล้าได้
เพราะคู่แข่ง อย่างพรรคสีส้ม พรรคประชาชน กำลังอยู่ในโหมด สะสมความแข็งแกร่ง เก็บแต้มตุน เอาไว้ในมือ แม้พรรคจะพ่ายแพ้ แทบทุกสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น จนถูกฝ่ายรัฐบาลเยาะเย้ยก็ตาม
การเลือกตั้งนายก อบจ. ถูกประเมินว่าแม้พรรคสีส้ม ไม่ได้ชัยชนะจาก สนามไหนเลย แต่นี่คือการทำการเมืองในพื้นที่ ที่ยังมีเวลาให้ศึกษาและ ปิดจุดอ่อน เตรียมพร้อมสำหรับการ ต่อสู้การเมืองสนามใหญ่ในปี 2570 หรืออาจเร็วกว่านั้น
ขณะที่พรรคสีส้มสะสมความแข็งแกร่ง อีกด้านหนึ่ง ยังกลายเป็นว่า "ศัตรูเก่า" ของทักษิณ คือ "สนธิ ลิ้มทองกุล" อดีตแกนนำม็อบคนเสื้อเหลือง ประกาศแล้วว่าหากเขา ต้องนำมวลชนลงต่อสู้บนท้องถนน อีกครั้งก็จะต้องทำ แม้จะเป็นครั้ง สุดท้าย และประเมินว่า การเมืองเริ่มสุกงอมแล้ว
การรับมือกับ ศัตรูใหม่ อย่างพรรคสีส้ม กับ "ศัตรูเก่า" อย่างสนธิ ดูจะเป็นเรื่องที่ "เกินกำลัง" ของ นายกฯแพทองธาร ดังนั้น จากนี้ไปโอกาส ที่จะได้เห็นทักษิณ ต้องออกโรง มา "เล่นเอง" ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจ ยิ่งเมื่อล่าสุด สนธิ บอกแล้วว่าพร้อมจะเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้า พูดคุยกับนายกฯแพทองธาร ในเรื่อง เอ็มโอยู 44 อันจะเป็นประเด็นที่ เปราะบางและสุ่มเสี่ยงไม่น้อย ที่นายกฯน้อยจะรับมือไหว !?