เมื่อเซียนการเมือง จากสำนัก “จันทร์ส่องหล้า” ออกมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ใช้เวทีปราศรัยหาเสียงช่วยลูกพรรคเพื่อไทย ชิงเก้าอี้นายกอบจ.อุดรธานีแม้จะผ่านไปแล้วหลายวัน แต่ปรากฏว่าจนถึงบัดนี้ “กระแส” ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ปลุกเอาไว้ ทั้งต่อคนเสื้อแดง ไปจนถึงการ “จงใจ” เปิดศึกกับ “พรรคประชาชน”  สามารถยึดพื้นที่สื่อได้นานเกือบสัปดาห์ 


 กลายเป็นว่า แม้ “แกนนำพรรคประชาชน” โดยเฉพาะ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครของพรรคที่ลงสู้ศึกนายกอบจ.อุดรธานี  ไล่หลัง จากที่ทักษิณ เดินทางกลับถึงกทม. ยังก้าวไม่พ้นประเด็นที่ทักษิณ ทิ้งเอาไว้ให้ 

 สนามเลือกตั้งการเมืองระดับท้องถิ่น ที่มีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ยังพบว่า จากสนามอุดรฯแล้วยังจะมีต่อกันที่เลือกตั้งนายกอบจ.อุบลราชธานี และที่สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่พรรคเพื่อไทยต้องสู้กับคนของพรรคภูมิใจไทย พรรคสีน้ำเงิน แม้จะอยู่ร่วมรัฐบาลกันก็ตาม  

 และที่ยังเตรียมระเบิดศึกอีก 2 สนามอบจ.  นั้นก็ยังอยู่ในคิวที่ต้องจับตาดูว่า ทักษิณ จะไปปรากฏตัวขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับที่สนามอุดรฯด้วยหรือไม่ เพราะเวลานี้ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทยอาจเป็นฝ่าย “ได้เปรียบ” เหนือคู่แข่ง ทั้งด้วยการที่ได้ทักษิณ มาขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่แล้ว บรรดา “นโยบาย” ต่างๆ ที่รัฐบาลสมัย “เศรษฐา ทวีสิน” ประกาศเอาไว้ จนมาถึงยุค “แพทองธาร 1” กลับเริ่มขยับ  คล้ายกับ “สอดรับ” การส่งสัญญาณจากอดีตทักษิณ ที่ขึ้นมาไปพูดบนเวทีปราศรัย 
 
โดยเฉพาะเมื่อทักษิณ พูดถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาท ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบพายุหมุน การเดินหน้านโยบายเงินเดือนขั้นต่ำ 25,000 บาท 
 
“ การแจกเงิน 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยยืนยันว่า ใครที่ยังไม่ได้นั้น มาแน่มาช้าดีกว่าไม่มา เพราะอะไร
 
 ที่พรรคเพื่อไทยเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทยพูดอะไรต้องทำ แต่วันนี้ทำลำบาก เพราะกลไกข้าราชการใหญ่เทอะทะและออกกฎหมายเฮงซวยไว้เยอะ” ทักษิณ หาเสียงที่ สนามตลาดศรีธัญวา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.67 ที่ผ่านมา 
 ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.67 “เผ่าภูมิ โรจนสกุล”  รมช.คลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 19 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา 

 รวมถึงจะหารือถึงความคืบหน้าของโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ตด้วย ซึ่งจะต้องมาดูข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมว่าจะดำเนินการแจกเงินให้กับกลุ่มไหนก่อน และจะแจกเมื่อไหร่ รวมทั้งยังบอกด้วยว่า เป้าหมายที่จะได้รับเงินหมื่น อาจจะขยายไปถึง คนที่มีอายุ 50ปีขึ้นไปด้วย นอกเหนือจากการพิจารณา แจกให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 

 อย่าลืมว่า ไม่ว่าการข้อเสนอจะผ่านการพิจารณาของบอร์ด หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ  สิ่งที่ขาอีกข้างของพรรคเพื่อไทย ในฐานะ “รัฐบาล” ที่คุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ กำลังเตรียมผลักดันโปรเจกใหม่ ที่น่าจะซื้อใจ ประชาชนหลากหลายกลุ่ม  แน่นอนว่า ย่อมเป็นผลดีต่อ คะแนนเสียงของผู้สมัครในระดับท้องถิ่น อย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือไปจากการเล่นเกมการเมือง ให้มีสีสัน !