การตอบคำถามของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย 1 ใน6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อค่ำของวันที่ 14 ส.ค.67 ด้านหนึ่งดูจะเป็นความพยายาม ลดดีกรี ความร้อนแรงทางการเมืองลง และขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า ท่าทีจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกำลังถูกร้องให้ ยุบพรรค เหมือนกับ พรรคเพื่อไทย กรณีทักษิณ ครอบงำ และชี้นำ การตั้งรัฐบาล แพทองธาร1 และการได้มาซึ่ง นายกฯคนที่ 31
โดยอนุทิน ตอบคำถามสื่อที่ได้ย้อนเอาคำพูด ทักษิณ ว่าเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านเพื่อรับประทานมาม่าเท่านั้น ว่า ตนเองกินไวไว ไม่ใช่มาม่า และบอกด้วยว่า เวลาไปเยี่ยม ทักษิณ บางทีเจ้าของงบ้านก็เอามาม่ามาเลี้ยง
เพราะบางทีไปตอนบ่ายๆ พอหิวก็เอามาม่า มาเลี้ยง แต่วันที่ 14 ส.ค. ผมไม่ได้กิน ออกมาก่อน เพราะมีนัด และยืนยันว่าในวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้คุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากนายกฯคนที่ 30 เท่านั้น
กรณี 6 แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้านั้นได้เคยมีการประเมินกันเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า พรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าไปในวันดังกล่าวคือการเข้าไปพูดคุย และ ต่อรอง ทางการเมือง ในระหว่าง การตั้งรัฐบาลใหม่ มากกว่า ที่จะ ยอม ให้ทักษิณ บงการ เพราะอย่าลืมว่า ในห้วงเวลาของการตั้งรัฐบาลใหม่ ในจังหวะที่ พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ผู้กุมเสียงในรัฐบาลอย่างเบ็ดเสร็จ การถูกต่อรองจาก พรรคร่วมรัฐบาล จึงเกิดขึ้นได้มากที่สุด
อย่างไรก็ดี สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว แม้วันนี้ทักษิณ จะออกมาเปิดหน้าเล่น พรรคเพื่อไทยวางโปรแกรม ให้เดินสาย เป็น ผู้ช่วยหาเสียง ในการเลือกตั้งนายกอบจ. ที่อุดรฯและที่สุรินทร์ ก็ตามแต่อย่าลืมว่า การต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องอาศัย กระแส จากทักษิณ มาปลุกในพื้นที่ ที่เคยเป็น เมืองหลวงคนเสื้อแดง นั้นคือการเทกำลัง ลงไปมากกว่า พรรคประชาชน พรรคการเมืองหน้าใหม่ ที่กำลังไล่หลัง วิ่งหายใจรดต้นคอ มาทุกขณะ
ขณะที่ศึกนอกในทางการเมืองใกล้เข้ามา ยังปรากฏว่า วันนี้พรรคแกนนำรัฐบาล กลับไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะถูก ครอบงำ หรือ ชี้นำ จากผู้นำจิตวิญญาณ ของพรรคเพื่อไทย ได้อย่างใด มีแต่จะเปิดเกมต่อรอง เมื่อพรรคเพื่อไทย เดินสะดุดและถึงจุดอ่อนแอ !