ในช่วงที่ผ่านมาคนไทยตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ การหลอกลงทุนและแชร์ลูกโซ่จำนวนมาก ผู้เสียหายต่างอยากได้เงินที่สูญเสียไปคืน บรรดามิจฉาชีพก็อาศัยจุดอ่อนนี้ เป็นช่องทางในการทำมาหากินได้อีก แถมแพลตฟอร์มออนไลน์บางแพลตฟอร์ม ก็ไม่ได้ตรวจสอบหรือสกัดกั้น รู้เท่าทันการโฆษณาของบรรดามิจฉาชีพ ทำให้มีผู้คนตกเป็นเหยื่อจากอยากจะได้เงินคืน กลับกลายเป็นเสียเงินเพิ่ม
ทั้งที่ผ่านมามีประเด็นเกี่ยวกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเพจเฟซบุ๊กศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อเฉลี่ยนทรัพย์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ หรือเป็นข่าวปลอมนั่นเอง
โดยปปง.ชี้แจงว่า เพจดังกล่าวไม่ใช่เพจของสำนักงาน ปปง. ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. มีเพจเฟซบุ๊กเพจเดียวเท่านั้นซึ่งมีชื่อว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน – ปปง. และมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าหลังชื่อเพจ (ลิงก์:https://www.facebook.com/AMLOTHAILAND/) และที่สำคัญคือ สำนักงาน ปปง. ไม่เคยเปิดเพจเฟซบุ๊กอื่นเพื่อรับคำร้องหรือช่วยเหลือผู้เสียหายในออนไลน์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับทรัพย์สินยึดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย โดยหลังจาก ปปง. ยึดทรัพย์มาแล้ว จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ภายใน 90 วัน เพื่อให้ประชาชนมายื่นคําร้องขอรับการคุ้มครองสิทธิ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับเงินชดใช้คืนเมื่อศาลมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้เสียหายได้รับเงินชดใช้คืนแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
. ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิ ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
1. ยื่นด้วยตนเอง ณ สํานักงาน ปปง.
2.ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนส่งถึง สำนักงานป้องกันและปราบการฟอกเงิน เลขที่ 422 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โดยวงเล็บ 2 มุมซองด้านบนว่า “ส่งแบบคําร้องขอ คุ้มครองสิทธิรายคดี....”
3 ยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง https://khumkrongsit.amlo.go.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2219-3600 หรือ โทร. 1710
ฉะนั้น ถูกหลอกแล้วอย่าถูกหลอกซ้ำ ก่อนเชื่อก่อนคลิก ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากเพจทางการของภาครัฐ