ความห่วงใยที่ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ฝากมาถึง “พรรคเพื่อไทย” คือความจริงใจประการหนึ่งในฐานะ “นักการเมือง” ด้วยกัน ที่ไม่ต้องการเห็น พรรคเพื่อไทย ต้องไปเพราะ ถูกยุบพรรค เหมือนกับที่ณัฐพงษ์ และเพื่อนพ้อง “พรรคก้าวไกล”เคยเผชิญหน้ามาก่อน
การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) “ขยับเกม” ผ่านรายงานข่าว ว่ามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน “6คำร้อง” ที่พุ่งเป้าไปที่การเสนอ “ยุบพรรค” ทั้ง เพื่อไทย และรวมไปถึง “6พรรคการเมือง” ที่ร่วมรัฐบาล กรณีปล่อยให้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ครอบงำ เมื่อคราวนัดหมาย แกนนำ6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมในเวลานั้นเข้าหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก่อนที่จะเคาะชื่อ “นายกฯคนที่31” ออกมา
เมื่อณัฐพงษ์ มองว่า แม้พรรคประชาชนจะอยู่เป็นขั้วตรงข้ามทางการเมือง กับพรรคเพื่อไทย แต่ในหลักการแล้วไม่เห็นด้วยที่มีการฟ้องร้องคดียุบพรรค และอาจเกี่ยวข้องกับการสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองบางอย่าง
“ อาจจะคาดคะเนได้ว่าเป็นการสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองบางอย่างให้มีชนักติดหลังทางการเมืองหรือไม่ เพื่อให้กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม มีอำนาจในการต่อรองกับพรรคเพื่อไทย เราไม่เห็นด้วย และไม่อยากเห็นสิ่งที่จะทำให้นำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยในอนาคต” (21 ต.ค.67)
อำนาจต่อรองที่ผู้นำฝ่ายค้าน อย่างณัฐพงษ์ ระบุถึงนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เกินไปจากความคาดหมาย ว่าคดีการยุบพรรคเพื่อไทย รวมถึงอีก 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่ส่อจะ “พังกันหมด” ด้วยแหตุที่ปล่อยให้ทักษิณ ครอบงำ นั้น ต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายเดือนกว่าที่ คำร้องจากกกต.จะไปถึง “ศาลรัฐธรรมนูญ” และยังต้องลุ้นอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะรับคำร้องหรือไม่
แต่ในระหว่างนี้ เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ต่างอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน คือการมีชนักติดหลัง “ชะตากรรม” ของพรรคต้องแขวนเอาไว้ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” และหากผลออกมาในทางที่เป็น “ลบ” มากกว่า “บวก” ยิ่งจะส่งผลต่อการเมืองไทยไม่น้อย ว่าต่างฝ่าย ต่างจะเดินหมากกันต่อไปอย่างไร ?
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย อาจอยู่ในสถานการณ์ที่บาดเจ็บมากกว่าพรรคอื่นๆ เพราะว่ากันว่านี่คือ “โอกาสสุดท้าย” สำหรับทั้งพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯทักษิณ อย่าลืมว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย ไม่มีตัวเล่นอีกแล้ว หาก “แพทองธาร ชินวัตร” ถึงเวลาต้องลุกจากที่นั่ง ทั้งด้วยเหตุที่พรรคถูกยุบ และการตัดสิทธิทางการเมืองตามมา เมื่อถึงเวลานั้น ปัญหาของพรรคเพื่อไทย จะยิ่งยากต่อการควบคุม โอกาสที่ลูกพรรคจะแตกออกไป ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น