จากเนื้อหาทั้ง 2 ตอนที่ผ่านมา เราว่ากันด้วยการทำบุญตามประเพณีต่างๆ ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอานิสงส์เพียงแค่ทำให้ใจสงบมีปีติเท่านั้น หากยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย หรือเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นไปด้วยในตัว  เช่น  ทอดผ้าป่าหรือทอดกฐิน ปัจจัยไทยทานที่ถวายวัดไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพระเณรเท่านั้น แต่ชาวบ้านก็ได้ใช้ด้วย เช่น เวลาจะจัดงานแต่งงานหรือทำบุญบ้าน ก็มายืมจานชามและถ้วยจากวัด เวลาจะประชุมก็มาใช้ศาลาและวิหารของวัด

 เช่นบุญประเพณีของภาคต่างๆ

อีกทั้งบุญนั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องทำกับพระเท่านั้น  หรือต้องไปที่วัดเท่านั้น บุญคือความดีที่เราจะทำกับใครก็ได้ทั้งนั้น รวมทั้งทำกับตัวเองด้วย เช่น ระงับความโกรธ คิดถูกคิดชอบ หรือทำสมาธิภาวนา

มาถึงตอนสุดท้ายของเรื่อง“บุญที่เมืองไทยต้องการ” โดยพระไพศาล วิสาโล จึงขอมาเสนอต่อในตอนที่เหลือดังนี้

“นี้คือการฟื้นฟูคุณธรรมดั้งเดิมขึ้นมาได้แก่การสงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่แทนที่จะต่างคนต่างทำอย่างในอดีต ก็มารวมกลุ่มกันและมีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันอย่างไรก็ตามการทำบุญด้วยน้ำใจของแต่ละคนก็ยังมีความสำคัญอยู่ น่าดีใจที่ปัจจุบันมีผู้คนเป็นอันมากที่พยายามทำจากจุดของตัวเอง โดยไม่คำนึงว่าจะมีใครทำด้วยหรือไม่ มีตำรวจบางคนในจังหวัดศรีสะเกษทุกเช้ามืดและหลังเลิกงานแล้วจะขนกล้าไม้ไปปลูกบนพื้นดินว่างเปล่ารวมทั้งริมถนนทำเช่นนี้มา 15 ปีรวมต้นไม้ที่ปลูกแล้วไม่น้อยกว่า 2 ล้านต้น เขาให้เหตุผลว่า “การปลูกต้นไม้เป็นการทำบุญที่ถูกต้องที่สุด มันยั่งยืนกว่า และช่วยเหลือทุกคนได้ชั่วลูกชั่วหลาน”

บางคนทำบุญด้วยการเปิดไฟหน้าบ้านยามค่ำคืนเพื่อให้ผู้คนเห็นทางสะดวกขึ้น เห็นสิ่งกีดขวางถนน ก็เก็บไปทิ้งให้พ้นทาง บ้างก็สละเวลาไปอ่านหนังสือใส่เทปให้คนตาบอดฟัง หรือเป็นที่ปรึกษาให้แก่องค์การการกุศลโดยไม่คิดเงิน หลายคนทำบุญด้วยการสงเคราะห์สัตว์ เช่น พาสุนัขจรจัดไปฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้า หรือพาสุนัขของตนไปทำบุญด้วยการบริจาคเลือดให้แก่สุนัขที่เจ็บป่วย เป็นต้น

บุญกับน้ำใจนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน ลองคิดดูว่าหากคนไทยทำบุญแบบนี้กันทั้งประเทศ เมืองไทยจะน่าอยู่สักเพียงใด”