ไฟสงครามลุกโชนที่ตะวันออกกลางภายเมื่ออิหร่านระดมยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล เพื่อแก้แค้นให้หัวหน้ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์ และผู้นำกลุ่มฮามาสที่ถูกสังหาร ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการกระทำของอิสราเอล

การโจมตีเกิดขึ้น ศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ “ถามอีก กับอิก Tam-Eig”  ว่า  เมื่อวาน (1ตุลาคม2567)อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล 181 ลูกในหลายพื้นที่ ทำให้ชาวยิวกว่า 10 ล้านต้องวิ่งลงไปหลบอยู่ในหลุมหลบภัย และฐานทัพอากาศอิสราเอลก็ถูกยิงเสียหายไปด้วย และยังมีการกราดยิงและแทงกันตายอีกหลายศพในเมือง Jaffa วันนี้ทหารอิสราเอลที่บุกเข้าไปในเลบานอนทางตอนใต้ก็เสียชีวิตในสงครามด้วย

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกว่าอิหร่านทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะคิดว่าโจมตีอิสราเอลแล้วจะไม่ถูกโจมตีกลับ อิหร่านจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป นักวิเคราะห์ทางการทหารหลายคนคาดกันว่า อิสราเอลอาจโต้ตอบด้วยการลอบสังหารผู้นำคนสำคัญๆ ของอิหร่านแบบที่เคยทำ และอาจจะทิ้งระเบิดทำลายบ่อน้ำมันของอิหร่านเพื่อสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์และทางทหารของอิหร่านด้วย

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ชัดเจนว่า ต่อไปนี้จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ หรือการระงับยับยั้งชั่งใจไม่ข้ามเส้นอะไรอีกแล้วในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง จะมีแต่ความสูญเสียของประชาชนพลเรือนและความเสียหายของบ้านเมืองทุกฝ่าย”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย ต้องจับตาสงคราใสนตะวันออกกลางจะขยายวงและลุกลามอย่างไร นอกจากผลกระทบต่อแรงงานไทยในอิสเราเอลแล้ว ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ราคาพลังงาน ปุ๋ย  รวมทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวจาก นักท่องเที่ยว กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ต้องเตรียมรับมือ

โดยเฉพาะความคาดหวังที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ของรัฐบาลใหม่ ไม่นับนโยบายระหว่างประเทศ การวางจุดยืนของไทย เพื่อไม่ให้เกิดปัจจัยแทรกซ้อน ในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยยังสาหัส และผลกระทบจากวิกฤติภัยพิบัติ ซึ่งรัฐบาลแพทองธารจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้อย่างไร