ลมการเมือง ดูคล้ายกับว่าอยู่ในความสงบ  ทุกอย่างราบรื่น เป็นใจให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนใหม่ ได้เดินหน้าบริหารประเทศ โดยไร้กังวล  ทว่าในความเป็นจริงแล้ว คลื่นลมการเมือง กำลังก่อตัวขึ้นมารอบใหม่ ปัญหาความขัดแย้งกำลังตั้งเค้า


 คะแนนความนิยมผ่านการสำรวจของ นิด้าโพล ที่สะท้อนว่า นายกฯแพทองธาร  คว้าอันดับหนึ่ง ไปครอง นั่งในใจผู้คน จนทำให้พรรคเพื่อไทย อดปลื้มใจไม่ได้นั้น ด้านหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ รัฐบาลเพิ่งเดินหน้า แจกเงินหมื่น  ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มเปราะบาง ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการจำนวน 14.5ล้านคน ในเฟสแรก ทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เจ้าของโครงการแจกเงินหมื่น 


 รวมทั้งยังถูกตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบนเวทีการเมืองวันนี้ไม่มี คู่แข่ง คนสำคัญที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อีกแล้ว  เพราะพิธา ถูกสั่งให้เว้นวรรคทางการเมืองยาวนานถึง 10ปี จากคดียุบพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 ที่ผ่านมา 


 ด้วยเหตุและปัจจัยทางการเมือง ดังกล่าวจึงทำให้ พรรคเพื่อไทยและนายกฯแพทองธาร มีความได้เปรียบไปโดยปริยาย 


 อย่างไรก็ตามล่าสุดกลับพบว่า มีความเคลื่อนไหว รอบนอก ในระดับ ภาคสนาม เมื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล  อดีตแกนนำม็อบพันธมิตรอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะทำ3เรื่องในปีหน้า 2568 คือ 1.  ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้โปรดกรุณาติดตามเรื่องที่ถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 17 เม.ย.2552 จนบัดนี้ยังหาคนร้ายไม่ได้ 2. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงมีชาวเมียนมาอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก และขอให้ยืนยันว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท สำหรับแรงงานไทยเท่านั้น

 และ3. ภายในประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือผิดจริยธรรม จะรวบรวมมวลชนออกมาขับไล่รัฐบาล เพราะไม่ควรจะอยู่ต่อไป
 นาทีนี้เท่ากับว่า แนวรบภาคสนาม เริ่มส่งสัญญาณขยับ ส่วนจะบังเกิดผลมากน้อยแค่ไหน การจุดม็อบจะติดหรือไม่ ยังมีเวลาอีกไม่ต่ำกว่า 3เดือนที่รัฐบาลจะแก้เกม 
 เว้นเสียแต่ว่า แนวรบด้านมวลชน จะถูก เติมเชื้อ และมี สารตั้งต้น เข้ามาเพิ่มเติม เพราะล่าสุด จตุพร พรหมพันธุ์  วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ออกมาเชิญชวน คนไม่มีฝ่าย มาร่วมสานสัมพันธ์วันเสาร์ที่ 5 ต.ค.นี้ ที่สถานีพีซทีวี นัดรับประทานอาหารกัน แล้วต่อด้วยการเปิดเสวนา ในประเด็นที่เรียกว่าเป็นการเผาหัวเชื้อ ถล่มรัฐบาล กันแล้ว
 

และที่สำคัญ จตุพร ยังบอกด้วยว่าประเด็นที่จะพูดถึงคือ จุดเปราะบางทั้ง เรื่องถือหุ้นอัลไพน์ ของนายกฯแพทองธาร และเรื่องชั้น 14 ที่มีตัวละครสำคัญ คือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั่นเอง