รัฐบาลที่นำโดย พรรคเพื่อไทย ทำตามสัญญา ที่ได้หาเสียงเอาไว้ลุล่วงในเรื่องแรกไปแล้ว แม้ยังไม่ถึงครึ่งทาง  แต่เมื่อมีภาพประชาชน กลุ่มเปราะบาง ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ทยอยไปกดเงินคนละ 1หมื่นบาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ก.ย.67 ที่ผ่านมา 


 อย่างน้อยที่สุดคนที่หายใจโล่งอก คนแรกก็คือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ในฐานะผู้นำรัฐบาล เธอเองจะต้องถูกสื่อจี้ถามไม่หยุดหย่อน
 การแจกเงินหมื่นในเฟสที่ 1 ให้กับประชาชนในกลุ่มแรก 14.5 ล้านคน จะทยอยไปจนครบกรอบที่วางเอาไว้ ส่วนเฟสที่ 2 ต้องรอลุ้นกันต่อ แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า ไม่ถูกลอยแพ ก็ตาม 


 การผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย  จะเกิดเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ได้จริงไม่ ยังต้องรอติดตามกันต่อไป   แต่ปัญหาที่อาจเป็นเรื่อง เฉพาะหน้า และมีแนวโน้มว่า พรรคเพื่อไทย ยังยากที่จะหาทาง รับมือการบริหารจัดการเรื่องการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล และตัวนายกฯแพทองธาร และโดยเฉพาะการตั้งทีมวอร์รูมด้านกฎหมาย เพราะอย่าลืมว่าสารพัดคำร้องที่ยังพุ่งเป้าไปที่การ สอย นายกฯแพทองธาร นั้นยังมีอยู่ 


 การเป็น รัฐบาลผสม กุมเสียงข้างมาก 319 เสียง อาจการันตีเสถียรภาพในสภาฯ แต่ย่อมไม่ใช่คำตอบที่จะสร้างความมั่นคงให้กับเก้าอี้นายกฯของแพทองธาร ได้อย่างแน่นอน การรับมือกับเกมนิติสงคราม กำลังถูกจับตาว่าอาจเป็นจุดตาย ที่ส่งผลกระทบรุนแรง มากกว่าการที่ นายกฯแพทองธาร จะต้องถูก ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจกลางสภาฯ 
 ยิ่งในจังหวะนี้ฝ่ายค้าน อย่างพรรคประชาชน คล้ายกับ เว้นวรรค ไม่ชำแหละนายกฯหญิง เข้มข้นเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนเคยมีคำถามว่า เป็นเพราะ ผู้นำทางจิตวิญญาณ ทั้งพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย เปิดดีลพิเศษไม่ เขย่า นายกฯแพทองธาร 


 อย่างไรก็ดี เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่กระแทกไปถึง นายกฯแพทองธาร ในประเด็นที่ว่าด้วยความพร้อมและภาวะการเป็นผู้นำรัฐบาล โดยเฉพาะการให้ความเห็นเรื่องค่าเงินบาทแข็ง การลดดอกเบี้ยของเฟด ธนาคารกลางสหรัฐฯ จนทำให้ถูกโจมตีเรื่องความรู้ความสามารถ แต่จนถึงเวลานี้ยังดูเหมือนว่าการรับมือและรุกกลับจากฝั่งนายกฯ แพทองธาร ยังไม่สามารถขยับได้ทันท่วงที ยิ่งทำให้โอกาสที่นายกฯจะเสียรังวัด ยิ่งมีมากขึ้น !