คำสั่งแต่งตั้ง “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” ลงนามโดย “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ คนที่ 31 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 67 ที่ผ่านมา กำลังสะท้อนบางสิ่ง บางอย่างในเชิงการเมืองว่า สถานะของ นายกฯอิ๊งค์ นั้นดูไม่ต่างจาก “ไข่ในหิน” ที่ผู้เป็นพ่อ คือ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งหลายคนเรียกว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ส่ง “มือทำงาน” ของตัวเองลงมาประกบ ลูกสาว 


 คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 317/2567 ระบุหัวเรื่อง ว่าด้วยการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 1.พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา 2.สุรพงษ์ สีบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษารัฐมนตรี 3.ศุภวุฒิ สายเชื้อ 4.ธงทอง จันทรางศุ  และ5.พงศ์เทพ  เทพกาญจนา 


 แน่นอนว่าเมื่อเห็นรายชื่อเหล่านี้ ย่อมไม่มีอะไรที่ต้องให้แปลกใจ เพราะล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดทำงานกับทักษิณ มาตั้งแต่ครั้งพรรคไทยรักไทยอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่ได้หายหน้าหายตากันไปไหน  เมื่อนายกฯอิ๊งค์  ก่อนมานั่งเก้าอี้ผู้นำรัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ก็มีพันธ์ศักดิ์ นั่งเป็นที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ขณะที่ “หมอเลี๊ยบ”  นพ.สุรพงษ์ นั่งเก้าอี้รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ 


 และหากย้อนกลับไป สมัยรัฐบาล “ทักษิณ1”  ก็เป็นพันธ์ศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายรัฐบาลในครั้งนั้น จึงถูกจัดให้อยู่ใน “ทีมคลังสมอง” ของทักษิณ ในยุคที่อดีตนายกฯผู้นี้นิยมรวบรวม “นักคิด” และเปิดพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วม 


 อย่างไรก็ดี การตั้งคณะที่ปรึกษานายกฯ ที่ล้วนแล้วแต่มาจาก “คนของพ่อ” เช่นนี้ อาจกลายเป็น “จุดอ่อน” สำหรับตัวนายกฯอิ๊งค์ เอง โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เคยอภิปรายในสภาฯเรียกร้องให้เธอแสดงภาวะความเป็นผู้นำ มากกว่านี้ ขอให้เป็น “ดาวฤกษ์” ที่มีแสงสว่างในตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่ออย่างที่เป็นอยู่ 


 แต่อีกด้านหนึ่ง การที่ทักษิณ ส่งคนใกล้ชิดลงมารายล้อมลูกสาว ย่อมประเมินได้ถึงสถานการณ์ล่อแหลมจาก “ฝ่ายตรงข้าม” ที่ยังเตรียม “เขย่า” กันต่อ ในด้านนโยบายและข้อมูลที่ถือเป็นอีกหนึ่งแนวรบที่ต้องเสริมกำลังโดยด่วน !