ทีมข่าวคิดลึก
จากการให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เปิดเผยว่า ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับทางการของประเทศต่างๆ ขอให้เขาช่วยดูแล ไม่ให้ คนไทยของเราเองที่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ใช้เป็นฐานที่มั่น มาโจมตีสถาบันเบื้องสูงของไทย ยิ่งทำให้เห็นว่าเวลานี้ปฏิบัติการเดินหน้า "กระชับพื้นที่" จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ
เวลานี้น่าสนใจว่าแนวรบที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดและชัดเจนมากขึ้น ย่อมไม่ใช่เรื่องราวที่ "พรรคการเมือง"จะงัดง้างหรือต่อต้าน "กฎกติกาใหม่" ที่ถูกร่างขึ้นมาโดย คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เท่านั้น แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การใช้ "ยาแรง" เพื่อวางกฎเกณฑ์ คัดคนเข้าสู่สภาหินอ่อน ผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการร่าง โดย กรธ.
หากแต่กลับพบว่าการต่อสู้ทางการเมืองโดยอาศัย "สถานการณ์" ที่เป็นตัว"กำหนดเกม" ปลุกความขัดแย้งทางความคิดที่เกี่ยวโยงทั้งประเด็นเรื่องเสื้อสีไปจนถึงการพาดพิงไป "สถาบัน" ยิ่งคุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง และไม่ว่าทั้งฝ่าย "ปกป้องสถาบัน" หรือฝ่าย "โจมตีสถาบัน"จะใช้กลยุทธ์การทำสงคราม IO เพื่อเขย่าอีกฝ่ายหนึ่งผ่านโลกออนไลน์อย่างหนักหน่วง ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า วันนี้ความขัดแย้งทางความคิดที่เคยมีอยู่นั้น สามารถถูก "กวน" ให้ขึ้นมาได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกันเมื่อภารกิจของ คสช.คือการปกป้องสถาบัน ดูแลรักษาความสงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เพื่อให้โรดแมปของ คสช. เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น และที่สำคัญยังต้องไม่ลืมว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงที่ประเทศกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นปฏิบัติการรุกไล่และล้อมกรอบ ลงดาบกับขบวนการหมิ่นสถาบันของ คสช. ที่เคย "ส่งสัญญาณ"กันมาก่อนหน้านี้ จึงเพิ่มความเข้มข้นอย่างที่เกิดขึ้น
สอดคล้องกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า บรรดา "แกนนำคนเสื้อแดง" ที่กระทำความผิดเข้าข่ายหมิ่นสถาบันและได้พากันหลบหนีไปอาศัยอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านของไทย ต่างได้รับสัญญาณว่า
ทางการไทยเตรียมเอาจริง ด้วยการประสานกับประเทศต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือทั้งให้ส่งตัวกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ไปจนถึงการตัดช่องทางไม่ให้คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวโจมตีสถาบันเบื้องสูงของไทย
"การโจมตีสถาบันอยู่ตรงนี้ตลอดซึ่งเราต้องดูแล ตอนนี้สิ่งสำคัญคือประเทศเพื่อนบ้านให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี น่าชื่นชม ถือว่าเราคุยกันรู้เรื่องก็ดีแล้ว ส่วนการขอให้ประเทศเพื่อนบ้านส่งตัวบุคคลเหล่านั้นกลับมาดำเนินคดีในไทยนั้น เวลานี้ตัวคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนยังไม่รู้ ซึ่งเป็นเรื่องของทางเขา ถ้าได้ตัวเขาคงจะส่งตัวมา
แต่จะได้หรือเปล่าผมก็ยังไม่ทราบแต่ผมได้บอกไปแล้วว่ามีกลุ่มคนเหล่านี้มาโจมตีสถาบันและรัฐบาลอยู่ จะปล่อยอยู่ได้อย่างไร" พล.อ.ประวิตร ได้ยืนยันผ่านสื่อเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาจากนี้ไปคือการแยกปลาออกจากน้ำ ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ ของฝ่าย คสช.เพื่อที่จะได้รู้ถึงความเชื่อมโยงของขบวนการหมิ่นสถาบัน ที่ฝังรากลึกมายาวนานนั้น วันนี้ยังหลงเหลือ"ใคร" และ "กลุ่มใด" ทั้งในและต่างประเทศ
เช่นเดียวกัน ขบวนการหมิ่นสถาบันเอง ก็ต้องหาทางใช้ยุทธวิธีแย่งชิงประชาชน ดึงมวลชนให้มาอยู่ร่วมในขบวนการของตนมากที่สุด โดยเฉพาะในยามนี้ในยามที่ต้องการ "มวลชน" เป็นแรงหนุนเมื่อกลุ่มขั้วอำนาจเก่ากำลังโดนรุกไล่ ทั้งทางคดีความ และข้อหาหมิ่นสถาบันอย่างหนัก !