แม้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะประเมินว่าปริมาณน้ำท่วมปี 2567 รุนแรงน้อยกว่าปี 2554 แต่จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดภาคเหนือ เบื้องต้นข้อมูลจากหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายกรณีสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ภาคเหนือเบื้องต้นประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.05% ของ GDP

โดยพบว่าภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายถึง 7,168 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 89.6% ของความเสียหายทั้งหมด รองลงมาเป็นภาคบริการเสียหาย 693 ล้านบาท (8.66%) และภาคอุตสาหกรรมเสียหาย 139 ล้านบาท (1.74%)

ทั้งนี้ จังหวัดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงราย มีมูลค่าความเสียหายรวม 3,632 ล้านบาท รองลงมาคือพะเยา 2,034 ล้านบาท และสุโขทัย 1,359 ล้านบาท ตามลำดับ

นอกจากความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจ สถานการณ์น้ำท่วมยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย โดยมีความเสียงต่อโรคที่มาพร้อมกับน้ำท่วม  ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้เลือดออก โรคตาแดง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้า โรคฉี่หนู และโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร

ที่สำคัญคือสุขภาพใจ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาทางจิตเรื้อรัง นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก สิ่งที่ต้องทำคือ ตั้งสติให้ดี คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตเป็นอันดับแรก ตลอดจนลดความกังวลโดยติดตามข่าวสารประกาศเตือนภัยจากแหล่งข่าวสำคัญของท้องถิ่นหรือของทางราชการ เพื่อลดข่าวลือที่ผิดๆ พร้อมจัดทีมดำเนินการในพื้นที่ ดังนี้1. จัดทีมเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตในสถานการณ์ดังกล่าว ร่วมกับทีมสหวิชาชีพช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team : MCATT) ในพื้นที่ 2. เฝ้าป้องกันกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่มีความอ่อนไหวเสี่ยงต่อปัญหาจิตใจกลุ่มผู้ช่วยเหลือ 3. ค้นหา ส่งต่อ เฝ้าระวัง ดูแลผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มเสี่ยงไม่ให้ขาดยาเด็ดขาด 4. เฝ้าระวังผู้ป่วยติดสุรา ยาเสพติด เตรียมยาป้องกันอาการลงแดง

กระนั้น เราเห็นว่า เราๆท่านๆ ในพื้นที่ที่เตรียมรับน้ำ จำเป็นต้องฝึกบริหารทั้งร่างกายและจิตใจ ฝึกทักษะการผ่อนคลายความเครียดต่างๆ และฝึกฝนการจัดการปัญหา ไม่ให้จมดิ่งกับความทุกข์ นอกจากจะเตรียมแนวทางช่วยเหลือตนเองและครอบครัว ป้องกันทรัพย์สินลดความเสียหายแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือประคับประคองชุมชนได้อีกด้วย