นับเป็นความวุ่นวาย และบังเกิดความขัดแย้งสูงที่สุด ในกระบวนการ “ตั้งครม.ใหม่” ชุด “แพทองธาร 1”  ! 
    
เพราะ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้เกมจัดครม.ใหม่ เป็นโอกาส “ล้างแค้น” บรรดาโจทก์เก่าไปพร้อมๆกัน ด้วยเหตุนี้ “สภาพ” ของแต่ละพรรคการเมืองที่ถูกดึงเข้าร่วมรัฐบาล จึงถูกทำให้คล้ายกับคนง่อยเปลี้ย 
    
ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี “25 สส.” ที่ถูกแยกออกเป็น “สองฝ่าย” โดย “21 เสียง” ในมือ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรค เก็บกระเป๋า พาพรรคพวกเตรียมเดินหน้าเข้าทำเนียบฯรัฐบาล   แม้อีก “4เสียง” ที่มี ชวน หลีกภัย ,บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และ สรรเพชร์ บุญญามณี  จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม 
    
เมื่อวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในมือเฉลิมชัย และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” สส.สงขลา ในฐานะเลขาธิการพรรค  ยึดพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว 
    
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เพราะแม้ “4เสียงข้างน้อย” ที่ไม่เห็นด้วย นั้นยึดถือข้อบังคับพรรคอย่างชัดเจน ดังนั้นการที่มีข่าวว่า “คนใกล้ชิด” ของเดชอิศม์ แอบไปยื่นเอกสารส่งประวัติที่ทำเนียบฯ ก่อนวันที่ “พรรคเพื่อไทย” จะไปส่งหนังสือเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.67 อย่างเป็นทางการ ย่อมมีความสุ่มเสี่ยง อย่างที่สุด 
    
ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่เดชอิศม์ จะบอกกับสื่อล่าสุดว่า คนที่ไปอ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดตนเองนั้น น่าจะเป็นการ “แอบอ้าง” เพราะตนเองยังไม่ได้ส่งใครไปทำเนียบฯทั้งสิ้น 
    
นอกจากนี้ในปีกของเฉลิมชัยเองยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง เมื่อหากตราบใดที่ยังไม่มี “หนังสือเชิญ” เข้าร่วมรัฐบาล ปรากฏต่อหน้าสื่อ ต่อสาธารณะ จะยังไม่มีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้มีมติร่วมรัฐบาล ออกมาได้ก่อน เพราะจะเท่ากับเป็นการ “ลักไก่”  จนนำไปสู่การร้องกันตามมาว่า ผิดข้อบังคับพรรค 
    
แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐแล้ว แม้พรรคจะถูกแบ่งออกเป็น2กลุ่มคือฝั่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค กับปีกของร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค แต่ปัญหาคือการไปร่วมรัฐบาลของกลุ่มธรรมนัส และการส่งรายชื่อรัฐมนตรีซึ่งเป็นชื่อที่ไม่ได้ผ่านมติพรรค เท่ากับว่า กลุ่มร.อ.ธรรมนัส จะต้อง “หาช่อง” ดิ้นหนีเพื่อไม่ให้ ต้องเจอกับ “การเอาคืน” จากการใช้ข้อบังคับพรรค ไปจนถึงการบานปลาย เมื่อต้องถึงขั้นการใช้พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เข้ามาดำเนินการ 
    
วันนี้ ฝั่งพรรคเพื่อไทยเองแม้จะได้ สส.ในกลุ่มร.อ.ธรรมนัส ไปอยู่ด้วย และได้อีก “21สส.” จากพรรคประชาธิปัตย์ในมือของเฉลิมชัย มาทดแทน กลุ่มบิ๊กป้อม แล้ว ก็ใช่ว่า จะสามารถ “ปิดสวิตช์” ป.ประวิตร ลงได้ง่ายๆ เพราะเกมเอาคืนด้วยข้อกฎหมาย ด้วยเรื่องร้องเรียน กำลังจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทันทีที่การตั้งครม. “แพทองธาร 1” เสร็จสิ้นกระบวนความลงต่างหาก !