ผลการสำรวจของ “นิด้าโพล” ครั้งล่าสุดเมื่อ 25 ส.ค.67 สะท้อนความเห็นของประชาชนเอาไว้อย่างสนใจ ในเรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” โดยเสียงส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย ที่ “นายกฯคนใหม่” คือ “แพทองธาร ชินวัตร” จะบริหารประเทศโดยปราศจาก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯคนที่ 23 พ่อของเธอเอง
นอกจากนี้นิดาโพล ยังสะท้อนว่าประชาชน ถึงร้อยละ 37.79 ต้องการให้ทักษิณ มีบทบาท ที่ไม่ต้องอยู่หลังฉาก ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก แต่สิ่งเหล่านั้นคือความเห็นและความต้องการของ “ประชาชน” ย่อมไม่ใช่สำหรับตัวทักษิณ เองอย่างแน่นอน เพราะเขาเองย่อมรู้ดีว่า ลูกสาวอย่างแพทองธาร นั้นยังเป็น “มะม่วง” ที่ยังไม่สุก แต่ต้อง “รีบสุก” เพราะ ถูกกดดันจาก การเมืองที่มองไม่เห็น จึงนำมาสู่การเปลี่ยนตัว จาก “ชัยเกษม นิติสิริ” มาเป็นแพทองธาร
ทักษิณ ย่อมประเมินได้ไม่ยากเย็นว่าแพทองธาร บุตรสาวแม้จะเป็นลูกที่มีความสนใจการเมือง เดินตามเขาไปหาเสียง พบปะผู้คน ประชาชนมาตั้งแต่เธอเองยังเล็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วแพทองธาร ก็ยังไม่ใช่คนที่มี “ประสบการณ์” ทางการเมือง อยู่ดี เพราะเธอไม่เคย เล่นจริง และเจ็บจริง ซึ่งทักษิณ ก็จะไม่ยอมให้ ลูกสาวต้อง “บาดเจ็บ” เช่นกัน
วันนี้แม้แพทองธาร ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกฯคนที่ 31 ไปเรียบร้อยแล้วอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมา ท่ามกลางการแสดงความยินดีจากคนในครอบครัว และผู้ที่แวดล้อมทักษิณ แต่เธอเองยังไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ เนื่องจากเวลานี้ครม.ใหม่ก็ยังตั้งไม่เสร็จสิ้น และนายกฯคนใหม่ ยังไม่ได้เข้าแถลงนโยบาย “รัฐบาลใหม่” ต่อรัฐสภา
ดังนั้นหมายความว่า ขณะที่แพทองธาร ยังมีตำแหน่ง แต่ยังไม่มีอำนาจ ผู้นำรัฐบาลคนใหม่อย่างเป็นทางการ จึงเท่ากับว่า เส้นทางสู่อำนาจของเธอเอง ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน และในจังหวะนี้เท่ากับว่า “ความสุ่มเสี่ยง” จากการถูก “นักร้อง” ยื่นเรื่องตรวจสอบ จะทยอยหลั่งไหล่เหมือน “นัดหมาย”
โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าด้วย การให้ “พ่อ” มาครอบงำ ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และตัวเธอเองหรือไม่ อย่าลืมว่าการที่เธอก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯคนใหม่ ย่อมมาพร้อมกับความคาดหวัง ความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ที่กลายเป็นว่าทุกคนในบ้านเมืองต่างรอฟัง “สัญญาณ” จากทักษิณ เป็นทางเดียวกัน แม้แต่ดิจิทัลวอลเล็ต จะแจกเป็นเงินสด จริงหรือไม่ และจะแจกให้ใครกันบ้าง !