หากไม่มีอะไรผิดพลาด หรือเกินไปจากที่ “นายกฯน้อย” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกกับสื่อว่าบัดนี้ “รายชื่อ” จากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ส่งมานั่ง “รัฐมนตรี” นั้นคาดว่าจะใช้เวลาเร็วที่สุดราวหนึ่งสัปดาห์ สำหรับการตรวจสอบคุณสมบัติ “ครม.ใหม่” ชุดนี้
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไปถึงตัว “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี คนใหม่ จะต้องมาแบกรับความสุ่มเสี่ยง ถูกร้องไปยัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” จนถึงขั้นตกเก้าอี้ เหมือนกับที่ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ เคยเจอมาแล้ว อย่าลืมว่า “ชะตา” ของ แพทองธาร ย่อมเชื่อมโยงและกระทบโดยตรงต่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้เป็นพ่อ
ดังนั้นในห้วงเวลานี้จึงดูเหมือนว่าเกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่นำมาซึ่ง “แรงกระเพื่อม” กันไปทั่วแทบทุกพรรค ทั้งพรรคเพื่อไทยเอง และพรรคร่วมรัฐบาล !
ปัญหาที่เห็นอยู่ “เบื้องหน้า” ไม่เฉพาะที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่วันนี้ได้แบ่งออกเป็น “สองขั้ว”คือ “ขั้วผู้กอง” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กับ “ขั้วบ้านป่าฯ” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จนเกิดเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ลือลั่นมาตลอดสัปดาห์
เนื่องจากเมื่อปัญหาว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติ ของผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี คือ “เงื่อนไข” สำคัญ เหนือกว่า “จำนวนสส.” ที่มีอยู่ในมือของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล จึงทำให้ ทักษิณ ไม่กล้าเสี่ยง ให้ไฟเขียว ทุกรายชื่อที่แต่ละพรรคส่งโผมาถึง นพ.พรหมินทร์
กรณีของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่ มี ทักษิณ เป็นตัวเร่งให้ร.อ.ธรรมนัส ตัดสินใจแตกหักกับพล.อ.ประวิตร อย่างเปิดเผย แต่ในรายของ “พรรคภูมิใจไทย” เองที่มีสส.ในมือ 71 เสียง เป็นพรรคอันดับสองในรัฐบาล ก็เล่น “บทแข็ง” ด้วยการ “ตีกลับ” ส่งชื่อ “ชาดา ไทยเศรษฐ” รมช.มหาดไทย กลับเข้าไปนั่งครม.ชุดใหม่ เช่นเดิม แม้จะการส่งสัญญาณ ว่าชื่อของชาดา อาจมีปัญหาในภายหลัง
แต่คำตอบสุดท้าย จาก พรรคภูมิใจไทย ถูกส่งผ่านมาจาก “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค โดยการยืนยันว่าจะส่ง “ชื่อเดิม-ที่นั่งเดิม” กลับไปให้พรรคเพื่อไทย โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำของพรรคภูมิใจไทย บอกชัดว่า ยืนยันที่ชื่อชาดา และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือตีกลับชื่อชาดา ก็คงไม่ต้องมาคุยกันอีก !!
และแรงกระเพื่อมที่ว่านี้ ยังไม่นับ “ศึกใน” ที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยด้วยกันเอง เพราะการจัดทัพครม.ชุดใหม่รอบนี้ ยังมีโจทย์สำคัญตรงที่ว่า นายกฯแพทองธาร เป็นคนรุ่นใหม่ และแวดล้อมไปด้วยทีมงานและสส.ในเจนฯ ใกล้เคียงกับเธอ ดังนั้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงจะเห็นได้ว่ามีรายชื่อ “ว่าที่รัฐมนตรี” ที่เป็นสส.อายุน้อย และใกล้ชิด นายกฯหญิง ด้วยกันหลายคน
ดังนั้นหมายความว่า โอกาสที่จะได้เห็นการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ที่เคยหวังว่าเมื่อวิ่งเข้าหาเจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วจะสมหวังกันทุกคนนั้น เห็นทีว่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว !