ในยามที่สถานการณ์กำลัง เป็นต่อ ทั้ง อำนาจรัฐ  และ เก้าอี้นายกฯคนที่ 31 อยู่ในมือเช่นนี้ จึงทำให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนที่ 23ในฐานะ ผู้คุมเกม ในด่านนี้ ส่งสัญญาณแรงชัด ทั้งด้วยตัวเองและผ่าน ลูกน้อง 


  เพราะแม้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่หากจับอาการให้ดี จะพบว่า แต่ละมิติแห่งอำนาจของเพื่อไทย กำลังเปิดเกมใหม่ พลิกขึ้นมาเป็นฝ่าย บีบ พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง 


 หากย้อนกลับไปในจังหวะที่พรรคเพื่อไทย ก่อนจะเสีย หมาก อย่าง เศรษฐา ทวีสิน ไปเมื่อวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย 5ต่อ4ให้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีลงเมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ที่ผ่านมา  บรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพากันออกมาแถลงหนุนชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไม่แตะม.112 เพราะไม่มีใครอยากสุ่มเสี่ยงด้วย 


 จนมีรายงานว่า ทักษิณ ต้องถอยชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ  ออกจากการเสนอชื่อ แล้วยอมส่งชื่อ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนเล็ก ลงสนามในที่สุด ในท่ามกลางเสียงเตือนและจับตาว่า อะไร ทำให้ทักษิณ ต้องยอมให้แพทองธาร เข้าสู่ คิลลิ่งโซน 


 ส่วนหนึ่งเพราะมาจาก แรงบีบ จากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ผสมกับ เสียง จากสส.ในพรรคเพื่อไทยเองที่ประเมินแล้วว่า หากชัยเกษม มาเป็นนายกฯ จะมีปัญหาเรื่องการลงพื้นที่หาเสียงอย่างแน่นอน ทั้งด้วยวัยและสุขภาพของชัยเกษม เอง ในจังหวะดังกล่าว ยังพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างประกาศ เงื่อนไข ย้ำว่า โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีจะต้อง เท่าเดิม และมีบางพรรค บอกเลยว่า จะอยู่ที่เดิม เพราะเปลี่ยนแค่ ตัวผู้นำรัฐบาล เท่านั้น 


 แต่กลายเป็นว่า เมื่อแพทองธาร ได้เป็นนายกฯครบถ้วนทุกกระบวนการ เมื่อมาสู่โหมดของการ ปรับครม. กลับเกิดอาการ ไม่ปกติ เพราะรายงานข่าวที่ออกมาสะพัด คล้ายต้องการโยนหินถามทาง ว่า จะมีรายการ สลับกระทรวง กันเกิดขึ้น ทั้งกรณีที่พรรคเพื่อไทยอยากได้ กระทรวงมหาดไทย คืนจาก ภูมิใจไทย หรือ กระทรวงพลังงาน-กระทรวงอุตสาหกรรม คืนจาก พรรครวมไทยสร้างชาติ  


 ยังไม่นับรวมการที่ วรชัย เหมะ ที่ปรึกษารองนายกฯ ของ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการณ์นายกฯ  เวลานี้ เปิดหน้า ไล่ พรรคพลังประชารัฐ ออกจากครม. ด้วยการยกเอาเหตุผล ว่าคนวงษ์สุวรรณ ไม่เคยโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยเลย ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐา หรือล่าสุดแพทองธาร 


 การที่วรชัย ออกมาชนกับ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสมือนเป็นความจงใจ ชกข้ามรุ่น แต่ก็เป็นจังหวะออกหมัดตามหลัง จากที่ ภูมิธรรม ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล และ สายตรง ทักษิณ ฝากสื่อไปถึงพล.อ.ประวิตร ว่า ให้ถามใจดูว่าการที่ไม่ไปโหวต แพทองธาร เพราะไม่อยากร่วมหรือคิดว่าพอแล้ว ก็ตัดสินใจได้ 


 และดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่เพียงความเคลื่อนไหวจากการปรับครม.ชุดใหม่เท่านั้น ที่ทำท่าว่า ไม่ง่าย แต่ปรากฏว่าเก้าอี้ รองประธานสภาฯคนที่1 ที่ยังว่างอยู่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ประกาศตัวชัดเจนว่าตีตราจอง มาตั้งแต่ก่อนโหวตแพทองธาร เมื่อวันที่ 16 ส.ค.แล้วว่า จะเสนอชื่อ ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง ดีกรีรองหัวหน้าพรรค เข้าไปนั่ง ทว่าสัญญาณล่าสุด คือ วิปพรรคเพื่อไทย บอกว่า เรื่องนี้ต้องมาคุยกัน 


 สถานการณ์ทางการเมืองวันนี้ ต้องตามติดช็อตต่อช็อต  ยิ่งเมื่อทักษิณ พ้นโทษก่อนกำหนด และแพทองธาร ได้เป็นนายกฯ  กุมอำนาจการตัดสินใจ ยุบสภาฯเอาไว้ในมือ การต่อรอง จึงเริ่มต้น !!