ใช้เวลาแค่พลิกฝ่ามือเดียว “ทักษิณ ชินวัตร”  ผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย บัญชาการ การรบปิดจบทุกการเจรจา โดยที่ยังสามารถ รักษา “ดีลเดิม” เอาไว้ได้เหมือนเดิม  นั่นคือ หนึ่งพรรคเพื่อไทยยังเป็นแกนนำรัฐบาล

และที่สำคัญ ประการที่สอง “เก้าอี้นายกฯคนที่31” ยังเป็นของคนในตระกูลชินวัตร  เป็นเก้าอี้ผู้นำรัฐบาลลำดับที่ 4  ของคนในตระกูล  ความยินดี ความปลาบปลื้มใจ ที่บังเกิดต่อ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” มีขึ้นในคราวเดียวกัน ถือเป็นเรื่องประจวบเหมาะที่สร้างรอยยิ้ม ต้อนรับการกลับมาสู่เมืองไทย และการเข้าสู่ “ศูนย์อำนาจ” ของคนในบ้านชินวัตร อย่าง “ออกหน้า” และเป็นทางการ เมื่อ17 ส.ค.67 ทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งมีผลทันที ทำให้วันที่ 18 ส.ค. เมื่อบุตรสาว “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าพิธีรับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯคนที่ 31 จึงทำให้ ครอบครัวชินวัตร มาร่วมยินดีกันพร้อมหน้า 

ภาพเบื้องหน้าของการที่แพทองธาร ได้นั่งนายกฯคนที่ 31 อย่างเป็นทางการไปแล้วนั้น แน่นอนว่า “เบื้องหลัง” ย่อมมาจาก “การบริหารจัดการ” ของทักษิณ ที่เข้ามามีบทบาท  โดยเฉพาะการ “ตั้งครม.ใหม่” ที่แม้จะเป็น “11 พรรคร่วมรัฐบาล” ชุดเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่า การเจรจา หารือการจัดสรรโควตา รัฐมนตรี จะไม่อาศัยสถานการณ์ในห้วงนี้ “เช็คบิล” บาง “ขั้วอำนาจ” แต่อย่างใด 

และแน่นอนว่า ทุกสายตาย่อมเล็งไปที่ “ขั้วอำนาจ” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งวันนี้มีรูปแบบที่ประหลาดยิ่งนัก ! เพราะในพรรคพลังประชารัฐ ถูกแบ่งออกเป็น “สองสายอำนาจ” ทางหนึ่งกำกับดูแลโดย “บ้านป่ารอยต่อฯ”  ของพล.อ.ประวิตร  ส่วนอีกขั้วหนึ่งซึ่งมีจำนวนสส.ที่เหนือกว่า ขึ้นตรงกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค 

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มา ตั้งแต่ก่อนที่ทุกคนจะได้คำตอบจนมั่นใจแล้วว่า เศรษฐา จะได้ “ไปต่อ” หรือ “หลุดเก้าอี้”  ว่าถึงอย่างไรก็ต้องมีการ “ปรับครม.” และจะต้อง “ริบ” เก้าอี้รัฐมนตรี ของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ  น้องชายบิ๊กป้อม คืนแล้วเกลี่ยไปให้กับ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส 

มาถึงวันนี้ เมื่อ ทักษิณ เป็นได้เปรียบ จึงทำให้ถูกมองว่า จากนี้ไปจะเป็นช่วงเวลาของการ “เอาคืน” แก้แค้น บรรดา โจทก์เก่า ทั้งเจ้าของบ้านป่ารอยต่อฯ  รวมถึง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”  หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย  ที่คุม ลูกพรรคไม่อยู่ จนเกิดปรากฎการณ์ “งูเห่า” เมื่อ “6สส.” ดันไปยกมือโหวตให้ แพทองธาร เป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่พรรคไทยสร้างไทย คือ 1 ในพรรคฝ่ายค้าน 

แม้ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์”  สส.บัญชีรายชื่อ และพรรคไทยสร้างไทย 1ใน 6 สส.ของพรรคที่ยกมือให้แพทองธาร จะยืนยันว่า 6 สส.ของพรรคไม่ได้ “ลอยแพ” คุณหญิงสุดารัตน์  แต่เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้ามีนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศโดยเร็วก็ตาม แต่ทุกคนทั้งในและนอกพรรค ต่างรู้ดีว่า นี่คือการตอบโต้และเอาคืน แค่ “ดาบแรก” หนึ่งในเกมชำระแค้นระหว่าง ทักษิณ กับคุณหญิงสุดารัตน์ที่เพิ่งเริ่มเท่านั้น !