การเคลื่อนไหวทางการเมืองในฟากฝั่ง “พรรคร่วมรัฐบาล” ตลอดห้วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พบสัญญาณที่น่าสนใจและต้องจับตามากเป็นพิเศษ ทั้งที่ รู้และควรรู้ ควรรอว่า ที่สุดแล้ว “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัยชี้ชะตา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ออกมา ทางใดทางหนึ่ง ที่จะชี้ชัดว่า  เศรษฐา จะได้ “ไปต่อ” หรือไม่

 กลับพบว่า  “314เสียง” ที่ประกาศจับมือจัดตั้งรัฐบาล และอยู่กันมา1ปีในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ต่างฝ่ายต่าง “งัดเคล็ดวิชา” ขึ้นมา ต่อรองในจังหวะที่ ปีกพรรคเพื่อไทย หวุดหวิดจวนเจียน จะไป มิไปแหล่ ทั้งเศรษฐา ยังรอลุ้นคำวินิจฉัย และ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ กำลังเล่นบทโลว์โปรไฟวล์ หลังจากที่ ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เขาเดินทางออกนอกประเทศ ในระหว่างที่ยังมีการพิจารณา “คดี ม.112”

 เมื่อพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณว่าจะมีการ “ปรับครม.”  พลันกระแสข่าวว่า จะมีรายการ “เช็คบิล” เอาคืน “พรรคพลังประชารัฐ” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  หลังถูกครหาว่า “กลุ่มอดีต 40สว.” ที่เข้าชื่อยื่นถอดถอน เศรษฐา ให้พ้นนายกฯ ก็ล้วนแล้วแต่คนใกล้ตัว

แต่งานนี้ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ที่เคยออกมาพาดพิงไปยัง “เจ้าของบ้านป่ารอยต่อฯ”  จะเป็นฝ่าย “กุมอำนาจ” เท่านั้น แม้จะเป็น พรรคแกนนำรัฐบาล เนื่องจากมีข่าวลือ โต้ตอบกลับมาว่า ถ้า เศรษฐา ไปไม่รอด ใช่ว่า “พรรคร่วมรัฐบาล” จะยอมลงเรือลำเดียวกันตลอดไป “ทางเลือก” ยิ่งทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ ล้วนมี “แคนดิเดตนายกฯ” ที่พร้อมขึ้นชิง เก้าอี้นายกฯ ทั้งสิ้น

โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นหัวหน้าพรรค  ก็สามารถ “เข้าได้กับทุกฝ่าย” ดูจะเป็นต่อมากกว่าใคร หรือหากพรรคพลังประชารัฐ สามารถ “ซื้องูเห่า” ที่อยู่ในพรรคประชาชน พรรคการเมืองใหม่ของ “พรรคก้าวไกล” ให้ช่วยยกมือโหวตหนุน พล.อ.ประวิตร ใช่ว่าจะหมดลุ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะวงการเมืองต่างๆ ประเมินได้ไม่ยากว่า หากเศรษฐา ไปต่อไม่ได้แล้ว ทักษิณ เองก็ยังไม่กล้าผลักดัน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นมารับตำแหน่ง “ผู้นำรัฐบาล” ด้วยซ้ำ 

และในยามที่ตัวทักษิณ เองวันนี้ยังมี “ชนักใหญ่” ติดหลังด้วยคดีมาตรา 112 ยิ่งทำให้อำนาจและบารมี ที่เคยมียิ่งหดหาย พลังต่อรองยิ่งถดถอย

การที่เศรษฐา จะได้ไปต่อ รอดพ้นจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่ 40 สว. ยื่นถอดถอนจากการที่เขาเสนอชื่อ พิชิต ชื่นบาน “สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า” เป็นรัฐมนตรี   ก่อนถึงวันชี้ชะตานั้น ว่ากันว่า “สัญญาณ” จะบวกหรือลบ กลับมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ที่ไปปรากฏตัวในงานศพมารดาของเศรษฐา มากกว่าที่จะถูกมองว่า ได้ “พลัง” จาก ทักษิณ มาช่วยเสียด้วยซ้ำ !     

 การเมืองหลังคำวินิจฉัยคดีถอดถอนเศรษฐา ไม่ว่าจะออกมาลบหรือบวก ก็ตาม แต่จังหวะการเดินหน้าจากนี้ไป อาจสะท้อนได้ว่า ทักษิณ กำลังถูกจัดให้กลายเป็น “คนดู” อยู่ข้างสนาม ไปทุกที !