ทีมข่าวคิดลึก หากมองย้อนกลับไปตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบว่าแทบทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับ "ประชามติ" ต่างพากันเคลื่อนไหวด้วยความเข้มข้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นสองพรรคการเมืองใหญ่กลุ่มการเมืองภาคประชาชน กลุ่มนักวิชาการ นักศึกษา และไม่เว้นแม้กระทั่งแนวรบด้านเหนือที่อยู่ในการควบคุมดูแลของกองทัพภาคที่ 3 ที่ดูเหมือนว่าจะเข้มข้น โดดเด่นอย่างชัดเจน ในวันที่ 4 ส.ค.นี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะฝ่ายจัดให้มีการออกเสียงลงประชามติ "ร่างรัฐธรรมนูญ" ได้วางโปรแกรมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ประชามติ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยถือเป็นช่วงจังหวะที่เรียกได้ว่าเริ่มนับเข้าสู่ไคลแมกซ์ กันเลยทีเดียว เพราะจากนั้นอีก 3 วันก็จะถึงวันที่ผู้มิสิทธิออกเสียงประชามติ กว่า 50 ล้านคน จากทั่วประเทศ จะได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ แต่ถึงกระนั้นกลับมีความชัดเจนว่า เวลานี้ความวุ่นวายที่กำลังผุดขึ้นรอบทิศรอบทาง ทั้งจากฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านต่างอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าพร้อมที่จะเดินเข้าหากันทุกเมื่อแต่เป็นการปะทะกันด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ การให้เหตุผลทั้งโน้มน้าวไปจนถึงการดิสเครดิตอีกฝ่าย แทนการใช้กำลังและอาวุธ ส่งผลให้เกิดกระแสที่ว่ากันว่างานนี้ "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" หรือ คสช. กำลังหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย เพราะต้องไม่ลืมว่า หากร่างรัฐธรรมนูญเกิดไม่ผ่านการทำประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้สถานการณ์ของ คสช.และ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะเผชิญหน้ากับแรงกดดันตามที่ "มีชัย ฤชุพันธุ์" ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บอกเอาไว้ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็จะยิ่งมีคนมาเดินขบวนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์และทุกอย่างก็จะรวนไปหมด ! นอกเหนือจาก "ข่าวลือ" ที่ทั้งกรธ.และ คสช.ต่างออกมาเตือนให้พี่น้องประชาชนควรพิจารณาแยกแยะให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะทำขบวนการบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญได้ประโยชน์แล้วนั้น ยังดูเหมือนว่า "คลื่นลมการเมือง"ก็ยิ่งเพิ่มกำลังแรงมากขึ้นทุกขณะ เพราะไม่เพียงแต่การประกาศท่าทีของ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคอันดับสองว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จนส่งผลให้บรรยากาศการเมืองกลับมาระอุอีกครั้ง เพราะเป็นการทิ้งระเบิดเข้าใส่คสช.ในช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ยังต้องไม่ลืมว่าการเปิดปฏิบัติล็อก "นักการเมืองท้องถิ่น" ที่ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับ "พรรคเพื่อไทย" อย่าง"บุญเลิศ บูรณุปกรณ์"นายกองค์การบริหารจังหวัดเชียงใหม่ และพวกเข้าค่าย มทบ.11 เนื่องจากพบหลักฐานการกระทำผิดการทำจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญที่โยงใยไปยังบุญเลิศ และพวก ได้กลายเป็น "หนังเรื่องใหม่" ที่ชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการที่ คสช.มีคำสั่ง ให้ล็อกบุญเลิศ นักการเมืองท้องถิ่น คนดังของเชียงใหม่นั้นกำลังถูกมองว่านี่คือรายการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" !แม้ ณ เวลานี้จะไม่มีข่าวคราวการเคลื่อนไหวของ"เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" แกนนำพรรคเพื่อไทยและในฐานะน้องสาว "ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกฯ แต่นั่นย่อมไม่อาจสลัดภาพความแนบแน่นระหว่าง บุญเลิศกับเยาวภา ในมิติของการเมืองออกไปได้ อย่างไรก็ดี ข้อมูลอีกแง่มุมหนึ่งกลับน่าสนใจไม่แพ้กัน ว่าจริงอยู่ บุญเลิศ นั้นถือเป็นผู้กว้างขวางมีเพื่อนพ้องพรรคพวกมากมายในทุกวงการ ไม่เฉพาะคนในตระกูลชินวัตร ด้วยซ้ำหากแต่ยังหมายรวมไปถึงนายตำรวจทหาร พ่อค้า นักธุรกิจ ดังนั้นภายใต้ปฏิบัติการเชือดนักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มบูรณุปกรณ์ รอบนี้ จึงอาจไม่ใช่เรื่องที่จะดูกันแค่เพียงชั้นเดียว ! ขณะที่แนวรบฝั่งกรุงเทพฯ เองก็มีความคึกคัก เนื่องจาก คสช. ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้มีการจัดกิจกรรมแต่อย่างใด แม้จะมีเสียงเรียกร้องกดดันไปจนถึงโจมตี คสช. ว่าปิดหู ปิดตาปิดปากประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ทว่าในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกลับเปิดทางผ่อนคลายให้ "ฝ่ายต่อต้าน" คสช.พากันเปิดเวทีทางการเมือง ในแทบทุกเสาร์อาทิตย์ในช่วงเข้าโค้งสุดท้าย สถานการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้ มีแนวโน้มว่าจะยืนระยะและเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ ส่วนจะรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ และจะนำไปสู่เหตุการณ์อย่างใด อย่างหนึ่งหรือไม่ ยังเป็นความหวั่นไหวที่ปกคลุมและถูกตีความกันไปต่างๆนานา