การดิ้นสู้ เพื่อหวังให้พรรคได้มีโอกาส อยู่รอด อยู่ต่อในสังเวียนการเมือง ของ พรรคก้าวไกล ยังเต็มไปด้วยความเข้มข้น  แม้ โอกาส นั้นถูกประเมินว่า ริบหรี่ ก็ตามที แต่แม้จะริบหรี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหมดหวัง

 7 สิงหาคม นี้คือวันชี้ชะตา คดียุบพรรค โดยศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องให้พิจารณาเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค อันเนื่องมาจากมีพฤติการณ์เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยใช้แนวจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยมีคำสั่งให้พรรคก้าวไกล ยุติการกระทำ ที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง 

 โดยกกต. ได้ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย ยุพรรคก้าวไกล อ้างว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงทรงเป็นประมุข 
 อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1)(2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฎตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 จึงขอให้ศาลสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค


 แน่นอนว่าหากดูจากคำร้องและแนวข้อกฎหมายที่กกต.ร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ นั้นมีความรุนแรง และมากพอที่จะทำให้ถูกประเมินว่า หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมาในทางที่เป็น ลบ ต่อพรรคก้าวไกล จริงก็จะเท่ากับว่าพรรคก้าวไกล ไม่ต่างจาก ถูกประหารทางการเมือง  


 แต่สำหรับพรรคก้าวไกลแล้ว หลายคนยังหวังว่า ผลจะไม่ออกมาในทางร้ายไปเสียทั้งหมด อย่างน้อย จากสงครามครั้งนี้ น่าจะมี ขุนพล ของพรรคที่เหลือรอด มีชีวิต ได้ไปทำพรรคการเมืองใหม่ ที่เตรียมสำรองเอาไว้ได้บ้าง 


 ทว่า ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองวันนี้ อาจมีปัจจัยและเงื่อนไขหลายอย่างที่ ไม่เป็นใจ ต่อการเติบโต ครั้งที่สาม สำหรับพรรคการเมืองที่ถือกำเนิดมาจากแนวทาง อนาคตใหม่ ตามที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ วางเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ นำโดยพรรคเพื่อไทย กำลังจะได้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาถือธงนำเมื่อเขาพ้นโทษ หลังวันที่ 22 ส.ค.นี้ และการเลือกตั้งครั้งใหม่ ยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน


 และที่สำคัญไปกว่านั้น พรรคก้าวไกล ในเจนเนอร์เรชั่นใหม่อาจไม่ได้อยู่ใน สมการการเมือง อีกแล้ว !?