ปิดเกม “สภาสูง” ลงไปแล้ว ชนิดที่เรียกว่า “โผไม่พลิก” เพราะ “สว.สายสีน้ำเงิน” ไม่เพียงแต่จะ “กินเรียบ” ยึดเก้าอี้ “ประมุขสภาสูง” ทั้ง 3 ตำแหน่งเอาไว้ทั้งหมด โดยที่เสียงโหวต นอกจากจะไม่ “แตกแถว” แล้วยังโชว์ศักยภาพ ว่าสว.สีน้ำเงิน วันนี้มีเกือบหมดทั้งวุฒิสภาอีกด้วย ถ้าประเมินจากเสียงโหวตที่เทคะแนนให้กับ “บุญส่ง น้อยโสภณ”  ที่ได้ถึง 167 เสียง ลอยลำเข้าไปนั่งในตำแหน่ง “รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2”

แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สว.สายสีน้ำเงิน อาจจะไม่ถึง “กินเรียบ” รวบเอาไว้ทั้ง 3เก้าอี้อาจจะแบ่ง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ให้กับ สว.พันธุ์ใหม่ หรือสายอิสระ บ้างเพื่อป้องกันการครหา และที่ผ่านมามีการส่งสัญญาณ ให้สว.สีน้ำเงิน อยู่ในความเงียบ ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ

 แต่การเดินเกมด้วยความเงียบ และนิ่งสงัดเช่นนี้ ดูเหมือนว่า “ผลลัพธ์” ที่ปรากฏคือ “ชัยชนะ” เหนือคู่แข่งทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น  และที่สำคัญยังไม่ปล่อยให้ คู่แข่ง เข้ามาร่วมแชร์ส่วนแบ่ง

 ชัยชนะของสว.สีน้ำเงิน ที่สภาสูง  ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าวันนี้ “พรรคภูมิใจไทย” ไม่เหมือนเดิม เพราะแม้จะไม่ยิ่งใหญ่ในสภาล่าง แต่มีเสียงท่วมท้นในมือที่สภาสูง แต่ขณะเดียวกันอาจกลายเป็น “ปัจจัย” ที่สร้างความหวั่นไหวทางการเมือง เกิดเป็นสึนามิ ระลอกใหม่ ซัดเข้าใส่หลายพรรคการเมือง ทั้งในปีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน

ภาพที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ออกรอบตีกอล์ฟกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ กำลังถูกมองว่าเบื้องหน้าคือ “สัมพันธ์” อันแน่นแฟ้น  ระหว่างอนุทิน กับทักษิณ ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย

และอาจสัมพันธ์ต่อ “เบื้องลึก” ที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ เรียก อนุทิน และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข เคลียร์ใจ เพื่อหาทางออกจาก “ความขัดแย้ง” สงบศึกภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง  อันมีเงื่อนปมของ “กัญชา” เป็น “โจทย์ใหญ่” 

ทว่าในสังเวียนการเมือง แน่นอนว่า การที่พรรคภูมิใจไทย ส่งสัญญาณ “สายตรง”เชื่อมโยงกับเจ้าของพรรค อย่างทักษิณ ย่อมทำให้ ขุนบนกระดาน ต้องพากัน “ขยับ” เพราะไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะถูก “กินแดน” โดนรุกเข้ามา จนเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองตามมา ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น

ความแข็งแกร่งของพรรคภูมิใจไทย ย่อมไม่สามารถยืนอยู่ได้โดยปราศจาก “เงื่อนไข” อย่างใด อย่างหนึ่ง  เพราะแม้ล่าสุดจะถูกมองว่า หลังจากที่อนุทิน ออกรอบตีกอล์ฟกับทักษิณ ปัญหาความไม่พอใจเรื่องกัญชาถูกดึงกลับเข้ายาเสพติด ก็พลันคลี่คลายลง เป็นที่พอใจสำหรับพรรคภูมิใจไทย

 แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า ปฏิญญาเขาใหญ่ จะแข็งแกร่ง และเป็นผู้กำหนดเกมเพียงฝ่ายเดียว เมื่อมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ยังไม่ยอมแพ้ อย่าง “บ้านป่ารอยต่อฯ” ที่แม้จะอยู่ในความเงียบ แต่กลับไม่ได้นิ่งเฉย เช่นกัน