แม้ คีย์แมน ของพรรคก้าวไกล จะแถลงข่าวพร้อมทั้งให้สัมภาษณ์สื่อด้วยความมั่นใจคดีที่พรรคก้าวไกล ถูกร้องว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญ จนถึงขั้น ยุบพรรค พ่วงด้วยการตัดสิทธิ กรรมการบริหารพรรค ตามมา แต่ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เองหรือแม้แต่สมาชิกหลายคนในพรรค อดหวั่นไหวไม่ได้ว่าการ ประหารชีวิตทางการเมือง จะไม่เกิดขึ้น
อนาคตทางการเมืองของพรรคก้าวไกล หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใด อย่างหนึ่งขึ้นจริง ๆแล้วไม่ว่าจะออกมาในทาง บวก หรือ ลบ ไม่ว่าจะพรรคก้าวไกล จะรอดหรือร่วง ล้วนมีแต่การหน้าไพ่ทางการเมืองไทยทั้งสิ้น !
แน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่ที่การหายไปของสส.พรรคก้าวไกล ในสภาฯ เท่านั้น แต่ในแง่มุมของการต่อสู้บนกระดานระหว่าง ฝั่งอนุรักษ์นิยม กับ ฝั่งประชาธิปไตยก้าวหน้า ย่อมแปรเปลี่ยนไปด้วย เมื่อวันนี้ พรรคเพื่อไทย ที่มี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเปิดหน้าออกโรง เมื่อครบกำหนดพ้นโทษในวันที่ 22 สิงหาคมนี้อย่างเป็นทางการ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อไม่มีพรรคก้าวไกล ในสภาฯ ทักษิณ จะไม่ต้องสู้กับผู้คนที่มีแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง ที่พลิกไปสนับสนุนพรรคก้าวไกล ซึ่งคนเหล่านี้มีทั้ง โหวตเตอร์ที่เคยเป็น เสื้อแดง ยังไม่นับรวมโหวตเตอร์ สีส้ม ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และพร้อมเทคะแนนไปให้พรรคการเมืองใหม่ ที่พรรคก้าวไกลเตรียมเอาไว้
อย่างไรก็ดีหากพรรคก้าวไกลรอดจากชะตากรรมครั้งนี้ จะยิ่งทำให้ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยต้องทำงานหนักมากขึ้น โจทย์ยากในทางการเมือง คือการ ชิงเสียง จากโหวตเตอร์ ทั้งคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ ไม่ให้ไหล ไปที่พรรคใหม่ของก้าวไกล
รวมทั้งการที่ไม่ทำให้ พรรคภูมิใจไทย ที่กำลังสยายปีกอำนาจไปถึง สภาสูง มาแบ่งพื้นที่ ไปจนถึงการฝากเลี้ยง สส.งูเห่า ซึ่งมีแนวโน้มว่า พรรคภูมิใจไทย ถือแต้มต่อ เหนือพรรคเพื่อไทย
คดียุบพรรคก้าวไกล คือหนึ่งในตัวแปรทางการเมืองที่จะได้เห็นชัดเจนในวันที่ 7 ส.ค.นี้ และยังไม่นับรวมการที่ต้องลุ้น คดีถอดถอน ซึ่ง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง หากต้องเจออุบัติเหตุทางการเมือง ขึ้นมาจริง เกมช็อตต่อไป คือทักษิณ ต้องคิดหาทางแก้โจทย์ข้อยาก ว่าจะส่ง ใคร เข้ามารับไม้ต่อจากเศรษฐา !